วันนี้ (11 ก.ค.2564) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยเพิ่มขึ้น จนส่งผลให้เตียงในโรงพยาบาลไม่เพียงพอ ทำให้มีการประสานมายังสายด่วน สปสช. 1330 เพื่อให้หาเตียง แต่ก็ยังมีผู้ป่วยตกค้างกว่า 2,500 คน ซึ่งใช้เวลารอเตียงนานหลายวัน และเพิ่มความเสี่ยงที่อาการจะทรุดลง
สปสช.จึงปรับแนวทางดูแลผู้ป่วยสีเขียวที่ตกค้างรอหาเตียง โดยตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) จะให้เข้าสู่ระบบการดูแลรักษาที่บ้านทั้งหมด และจะให้คลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่เป็นผู้ดูแลติดตามอาการ ซึ่งใน กทม.มีจำนวน 204 แห่ง แต่ละแห่งมีศักยภาพดูแลผู้ป่วยได้ 200 คน
การดูแลรักษาที่บ้าน หรือ Home Isolation และการดูแลผู้ติดเชื้อ COVID-19 ด้วยระบบชุมชน หรือ Community Isolation จะดูแลทุกอย่างเหมือนอยู่ในโรงพยาบาล เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่มาเป็นที่บ้าน หรือที่พักอาศัย และหากที่พักอาศัยไม่พร้อมก็จะเป็นสถานที่ที่ชุมชนจัดให้ เช่น ศาลาวัด หอประชุมโรงเรียน
โดยคลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่ จะติดต่อหาผู้ป่วยภายใน 48 ชั่วโมง จากนั้นจะส่งเครื่องวัดไข้ เครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือดไปให้ที่บ้าน รวมถึงยาฟ้าทะลายโจร และในแต่ละวันจะมีบุคลากรทางการแพทย์ของคลินิก วิดีโอคอลเพื่อติดตามประเมินอาการ พร้อมจัดส่งอาหารให้วันละ 3 มื้อ
กรณีผู้ป่วยที่รักษาตัวที่บ้านแล้วมีอาการแย่ลง จะประสานกับโรงพยาบาลเพื่อส่งต่อ กรณีที่เตียงเต็มจะมีการส่งยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้าน เพื่อประคองอาการ จนกว่าจะได้เตียง
นอกจากนี้ สปสช. ยังร่วมมือกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 เชิงรุก โดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ทราบผลใน 30 นาที โดยจะกระจายไปตามจุดต่างๆ ทั่วกรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 14 ก.ค.นี้ และตั้งเป้าตรวจให้ได้วันละ 10,000 คน
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รอเคาะ 12 ก.ค. เตรียมแอสตราฯ ฉีดเข็ม 3 ให้บุคลากรการแพทย์
ศบค.จับตา "คลัสเตอร์ตลาดไท" ตรวจเชิงรุกพบติดโควิดเพิ่ม 826 คน
ด่วน! ใครเข้าตลาดไท 20 มิ.ย.-4 ก.ค.ให้ไปตรวจหาเชื้อ หลังพบแพร่ระบาดอีก