เริ่มวันแรก ใช้ "Rapid Antigen Test" ตรวจโควิดวันละ 1.2 หมื่นคน

สังคม
12 ก.ค. 64
07:25
8,563
Logo Thai PBS
เริ่มวันแรก ใช้ "Rapid Antigen Test" ตรวจโควิดวันละ 1.2 หมื่นคน
เริ่มวันแรก จุดตรวจ COVID-19 เชิงรุก ใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test รู้ผลใน 30 นาที ตั้งเป้าตรวจวันละ 10,000-12,000 คน หากพบติดเชื้อจะให้รักษาตัวที่บ้านและคลินิกชุมชนอบอุ่นร่วมดูแล แจกอุปกรณ์วัดไข้และออกซิเจน ยาฟ้าทะลายโจร ส่งอาหารวันละ 3 มื้อ

วันนี้ (12 ก.ค.2564) นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ COVID-19 ที่ระบาดหนักจนมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ขณะเดียวกันมีประชาชนต้องการเข้าตรวจหาเชื้อเป็นจำนวนมาก ซึ่งนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข มอบให้ สปสช.ประสานกับสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) และคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้บริการตรวจหาเชื้อ COVID-19 เชิงรุกกระจายในพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันนี้ (12 ก.ค.2564) เป็นต้นไป โดยตั้งเป้าตรวจให้ได้วันละ 10,000-12,000 คน เบื้องต้นคาดว่าจะดำเนินการ 1-2 สัปดาห์

นพ.จเด็จ กล่าวว่า การตรวจหาเชื้อดังกล่าว จะใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ ซึ่งจะทราบผลตรวจภายใน 30 นาที หากปรากฎว่าผลตรวจเป็นบวก หรือติดเชื้อ ก็จะเข้าสู่กระบวนการรักษา

เช็ก 4 จุดตรวจ ตั้งเป้าวันละ 1.2 หมื่นคน

สำหรับจุดตรวจเชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่จะเริ่มในวันนี้ ตั้งแต่เวลา 8.00 น.เป็นต้น ไปจนกว่าจะตรวจครบ ได้แก่ สนามกีฬาธูปะเตมีย์ กองทัพอากาศ ต.คูคต อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี, สนามราชมังคลากีฬาสถาน (หัวหมาก) เขตบางกะปิ กทม. ซึ่งทั้ง 2 แห่งนี้ สปคม.จะเป็นผู้ตรวจโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ตั้งเป้าจุดละ 3,000 คนต่อวัน และลานจอดรถชั้น 5 อาคารบี ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถ.แจ้งวัฒนะ โดยคณะเทคนิคการแพทย์ มหาวิทยาลัยมหิดล จะเป็นผู้ตรวจ (วันแรกจะทดลองระบบวันละ 500 คน ก่อนจะเพิ่มจนได้ตามเป้าหมายวันละ 3,000 คน)

นอกจากนี้ ในวันพุธที่ 14 ก.ค.เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 8.00 น. จนกว่าจะตรวจครบ จะเพิ่มอีก 1 จุด คือ สนามฟุตบอลกองพล ปตอ. เกียกกาย เขตดุสิต กทม. สปคม.จะเป็นผู้ตรวจ วันละ 3,000 คน

ทั้งนี้ สปสช.มีแผนขยายการตรวจโควิด-19 เชิงรุกโดยใช้ชุดตรวจ Rapid Antigen Test ที่ขึ้นทะเบียนแบบใช้โดยผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ (Professional Use) ในคลินิกชุมชนอบอุ่นใกล้บ้านด้วย เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจได้ง่ายขึ้น ลดความแออัดที่จุดตรวจเชิงรุก และลดการรอคอย


ป่วยโควิดระสีเขียวกักตัวที่บ้าน-ชุมชน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและเตียงของโรงพยาบาลใน กทม. ใช้งานจนเต็มแล้ว กรมการแพทย์จึงได้วางแนวทางให้รักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) หรือในชุมชน (Community Isolation) หากไม่สามารถดูแลที่บ้านได้ เนื่องจากสภาพที่อยู่อาศัยไม่พร้อมก็จะเป็นการดูแลโดยชุมชนในสถานที่ที่ชุมชนจัดไว้ เช่น ศาลาวัด หอประชุมโรงเรียน ขณะนี้กรุงเทพมหานคร รวมถึงภาคประชาสังคมได้ดำเนินการแล้ว โดยเมื่อทราบผลว่าติดเชื้อ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อ COVID-19 ในกลุ่มการตรวจเชิงรุก คือ ผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการ หรือกลุ่มสีเขียว ก็จะมีการรายงานผลเข้าระบบฐานข้อมูลของ สปสช. โดยให้กักตัวที่บ้านก่อน อย่าออกไปไหน สปสช.จะจับคู่คลินิกชุมชนอบอุ่นใกล้บ้าน โดยจะติดต่อไปหาภายใน 48 ชั่วโมง

ย้ำว่าเราไม่ได้ทอดทิ้งให้กลับไปอยู่บ้านเฉย ๆ ได้ออกแบบระบบรองรับไว้แล้ว โดยให้คลินิกชุมชนอบอุ่นในพื้นที่ที่พักอาศัยคอยติดตามดูแลสุขภาพของท่าน

อาการรุนแรงส่งต่อ รพ.-ให้ยาฟาวิพิราเวียร์

นพ.จเด็จ กล่าวว่า เมื่อคลินิกชุมชนอบอุ่นติดต่อผู้ติดเชื้อ COVID-19 แล้ว จะส่งเครื่องวัดไข้และเครื่องวัดระดับออกซิเจนในเลือดไปให้ที่บ้าน รวมถึงยาฟ้าทะลายโจร โดยมีบุคลากรทางการแพทย์ของคลินิกนั้นซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ทำวิดีโอคอล หรือ Telehealth ติดตามประเมินอาการวันละ 2 ครั้งทุกวัน ขณะเดียวกันก็จะจัดส่งอาหารให้วันละ 3 มื้อ เพื่อให้ผู้ติดเชื้อสามารถกักตัวอยู่ในบ้านได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการจัดหาอาหาร

กรณีที่ผู้ป่วยอาการแย่ลงหรือเปลี่ยนเป็นผู้ป่วยในกลุ่มสีเหลืองและสีแดง คลินิกชุมชนอบอุ่นจะประสานกับโรงพยาบาลรับส่งต่อของตัวเองให้รับตัวผู้ป่วยไปรักษาในโรงพยาบาล และในกรณีที่โรงพยาบาลรับส่งต่อเตียงเต็ม จะประสานสายด่วน 1330 ของ สปสช. หรือสายด่วน 1668 ของกรมการแพทย์ เพื่อหาเตียงให้ ซึ่งระหว่างที่รอเตียงอยู่จะส่งยาฟาวิพิราเวียร์ไปให้ที่บ้าน เพื่อประคองอาการไปก่อนจนกว่าจะได้เตียงในโรงพยาบาล

"คลินิกชุมชน" รองรับดูแลกักตัวที่บ้าน 4 หมื่นคน

ปัจจุบันผู้ป่วย COVID-19 ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 เป็นผู้ป่วยกลุ่มสีเขียว คือ ไม่แสดงอาการหรืออาการไม่รุนแรง ซึ่งเป็นกลุ่มที่สามารถรักษาที่บ้านได้ ขณะที่ สปสช.มีเครือข่ายคลินิกชุมชนอบอุ่นหรือหน่วยบริการปฐมภูมิอื่นในพื้นที่ กทม. 204 แห่ง แต่ละแห่งมีศักยภาพดูแลผู้ป่วยได้ 200 คน รวมแล้วสามารถดูแลผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียวที่รักษาตัวที่บ้านได้ประมาณ 40,000 คน ซึ่งเมื่อผู้ติดเชื้อสีเขียวเข้าสู่ระบบการรักษาตัวเองที่บ้าน ก็จะทำให้มีพื้นที่เตียงว่างในโรงพยาบาลสำหรับรองรับผู้ป่วยที่อาการปานกลางและอาการรุนแรงได้มากขึ้น

อย่างไรก็ตาม นอกจากการจับคู่คลินิกชุมชนอบอุ่นรักษาที่บ้านหรือที่ชุมชนแล้ว กรณีผู้ติดเชื้อไม่มีอาการที่ต้องการกลับไปรักษาที่ภูมิลำเนาหรือต่างจังหวัด สปสช.เปิดสายด่วน 1330 ให้ประชาชนแสดงความจำนงที่จะกลับไปรักษาที่ต่างจังหวัด แล้ว สปสช.จะประสานจังหวัดและจัดรถไปส่งที่โรงพยาบาลให้ โดยค่าพาหนะเบิกจาก สปสช.ได้ตามหลักเกณฑ์

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง รู้จัก "Rapid Antigen Test" ตัวช่วยคัดกรองโควิด-รู้ผลเร็ว 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง