วันนี้ (4 ส.ค.2564) สำนักข่าวรอยเตอร์ส เผยแพร่รายงานสรุปการทำงานของโครงการที่นำโดยองค์การอนามัยโลก ที่ทำหน้าที่กระจายวัคซีนและอุปกรณ์ที่จำเป็น ท่ามกลางการระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา ซึ่งพบครั้งแรกในประเทศอินเดีย
โดยพบว่าโครงการดังกล่าวต้องการงบประมาณฉุกเฉิน 11,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 345,000 ล้านบาท ซึ่งเงินส่วนใหญ่จะนำไปซื้อชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 หน้ากากอนามัย และออกซิเจนให้กับประเทศยากจน
โดยงบประมาณ 3,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 114,000 ล้านบาท จะนำไปซื้อวัคซีน 760 ล้านโดส ซึ่งจะมีการส่งมอบในปีหน้า
โครงการขององค์การอนามัยโลกถูกตั้งขึ้นมาตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อต้นปีที่แล้ว และประสบปัญหาขาดแคลนงบประมาณมาโดยตลอด ซึ่งรายงานฉบับนี้ระบุว่า งบประมาณที่ได้รับการร้องขอมีทั้งสิ้น 16,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ แต่ถูกตัดออกไปประมาณ 1 ใน 3
ปัญหาดังกล่าวทำให้เกิดความกังวลถึงอนาคตในระยะยาวว่าโครงการนี้จะสามารถจัดหาอุปกรณ์ที่จำเป็นในการควบคุมการระบาดได้อีกนานแค่ไหน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการโคแวกซ์ ที่ทำหน้าที่จัดซื้อและกระจายวัคซีนให้ทั่วโลกอย่างเท่าเทียม ซึ่งโครงการดังกล่าวต้องพึ่งพาเงินบริจาคจากประเทศร่ำรวยมากขึ้น หลังจากอินเดียควบคุมการส่งออกวัคซีนที่ผลิตในประเทศ
ในขณะเดียวกัน ประเทศร่ำรวยอย่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ใช้วิธีบริจาควัคซีนให้กับประเทศผู้รับโดยตรง ซึ่งถือเป็นวิถีทางการทูตอีกรูปแบบหนึ่ง