ลูกบ้านแอชตัน อโศก ทวงถามผู้รับผิดชอบ-เยียวยาผลกระทบ

เศรษฐกิจ
10 ส.ค. 64
16:26
2,070
Logo Thai PBS
ลูกบ้านแอชตัน อโศก ทวงถามผู้รับผิดชอบ-เยียวยาผลกระทบ
ตัวแทนกลุ่มลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศก แถลงกรณีศาลปกครองพิพากษาเพิกถอนใบอนุญาต ระบุรู้สึกตกใจ พร้อมทวงถามใครจะเป็นผู้รับผิดชอบและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้

วันนี้ (10 ส.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนกลุ่มลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศก ชี้แจงกรณีผลกระทบที่ได้รับจากคำสั่งศาลปกครองกลาง ซึ่งเพิกถอนใบรับหนังสือแจ้งความประสงค์ก่อสร้างโครงการแอชตัน อโศก ผ่านทางเฟซบุ๊ก ไลฟ์ว่า

โครงการแอชตัน อโศก มีลูกบ้านกว่า 1,000 คน ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติกว่า 600 ครอบครัว จาก 20 ประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นโครงการที่มีมูลค่ากว่า 6,700 ล้านบาท

ภายหลังเมื่อวันที่ 30 ก.ค.2564 ได้ทราบข่าวนี้จากทางสื่อสังคมออนไลน์ว่าศาลปกครองกลางมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต โดยให้มีผลย้อนหลัง ซึ่งรู้สึกช็อก ตกใจ และงุนงงว่าเกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร อยู่อาศัยมานาน 2 ปีแล้ว ซึ่งโครงการนี้ได้ผ่าน EIA ทำให้มั่นใจในโครงการ ลูกบ้านเกินครึ่งกู้เงินซื้อจากธนาคาร และได้รับการอนุมัติวงเงินกู้จากธนาคาร รวมทั้งวันที่ไปโอนกรรมสิทธิ์ ทางกรมที่ดินออกโฉนดให้

จากการตรวจสอบ พบว่าบริษัท อนันดา จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นเจ้าของโครงการ มีการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมาย มีใบอนุญาต 9 ฉบับ จาก 8 หน่วยงาน และผ่านคณะกรรมการพิจารณาชุดต่างๆ รวม 5 ชุด และยังมีการร่วมทุนกับบริษัทจากญี่ปุ่น ซึ่งมีความเข้มงวดเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ทำให้มีความมั่นใจในโครงการ ทำไมคำสั่งศาลจึงมีคำสั่งย้อนหลังได้ แต่ก็เคารพคำตัดสินของศาล

ยังมีคอนโดมิเนียมในข่ายเดียวกันอีก 13 โครงการ และเกี่ยวข้องกับ รฟม.จำนวน 6 โครงการ ซึ่งเจ้าของคอนโดมิเนียม ได้รับผลกระทบในวงกว้าง และจะเชื่อถือใบรับรองจากหน่วยงานภาครัฐได้อย่างไร

ปัจจุบันลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศก ได้รับผลกระทบแล้วทั้งทางจิตใจ ความมั่นคงในชีวิต และการเงิน

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นล่าสุดหลังจากศาลเพิกถอนใบอนุญาต คือการรีไฟแนนซ์ ได้รับการปฏิเสธทันที โดยทางธนาคารอ้างว่าคอนโดฯ ถูกระงับใบอนุญาตก่อสร้างและไม่มีความมั่นคงเพียงพอ ซึ่งในเรื่องของความมั่นคงเหมือนถูกแช่แข็งไปเลย ไม่มีใครอยากทำนิติกรรมด้วย หลายคนมองว่าคอนโดฯ นี้เป็นคอนโดฯ เถื่อน ลูกบ้านหลายคนซื้อให้ลูกหลาน แต่ไม่สามารถโอนต่อได้

และจากภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน บางคนอยากจะขายคอนโดฯ เพื่อนำเงินไปเพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน ก็ทำได้ยากเช่นเดียวกัน ซึ่งการทำนิติกรรมต่างๆ ของโครงการแอชตัน อโศก เป็นเรื่องยากไปแล้ว

นอกจากนี้ ลูกบ้านของโครงการ ที่มาจากหลายประเทศทั่วโลก ซื้อคอนโดฯ เพราะรักเมืองไทย และอยากใช้ชีวิตที่ประเทศไทย บางคนทราบข่าว แต่ยังไม่สามารถเดินทางมายังประเทศไทยได้ ต่างรู้สึกกังวลว่า คอนโดฯ จะถูกทุบหรือไม่

สำหรับผลกระทบที่เกิดขึ้นจะสะท้อนไปยังความเชื่อมั่นตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทย ภาพลักษณ์การลงทุน และความเชื่อมั่นจากทางภาครัฐ ต่อนักลงทุนทั่วโลก ใครจะกล้ามาลงทุนเมืองไทย ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันแบบนี้

สิ่งที่กังวลขณะนี้คือ การผ่อนคอนโดฯ ไปอีก 30 ปี จะเป็นการสูญเปล่าหรือไม่ และค่าใช้จ่ายส่วนกลาง จะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาต่างๆ หรือไม่ เพราะที่ผ่านมา ไม่ได้รับทราบข่าวของคดีความเลย จนกระทั่งเป็นข่าว จึงตัดสินใจว่าจ้างทนายความ เพื่อเข้าไปรับฟังปัญหาและเป็นปากเป็นเสียง

ต้องยอมรับว่า จะมีค่าใช้จ่ายตรงนี้เกิดขึ้น และเงินค่าส่วนกลางที่ต้องจ่ายไปจะเป็นการสูญเปล่าหรือไม่ ถ้าตึกถูกทุบทิ้ง เงินที่ผ่อนไปจะเป็นการผ่อนฟรีหรือเปล่า

ตัวแทนกลุ่มลูกบ้านโครงการแอชตัน อโศก อยากวิงวอนและขอความเห็นใจจากสื่อมวลชน สังคม และหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งขอสรุปเป็นข้อดังนี้

1.อยากสอบถามว่าใครจะเยียวยาพวกเรา ใครจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือลูกบ้านกว่า 1,000 คน ทั้งในระยะสั้น เช่น การรีไฟแนนซ์ ความเชื่อมั่นในการพักอยู่อาศัย และในระยะยาว ในเรื่องของคดีความต่างๆ

2.ในฐานประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า ถ้ามีคำสั่งศาลปกครองสูงสุดให้เพิกถอน ตึกถูกทุบทิ้ง ถึงเวลานั้นใครจะเป็นผู้รับผิดชอบ จะเป็นหน่วยงานรัฐ หรือทางอนันดา เพราะบริษัทที่เราทำธุรกรรมซื้อขายด้วย คืออนันดา เอ็มเอฟ เอเชีย อโศก

ถ้าถึงเวลานั้น บริษัทจะยังอยู่เยียวยาหรือไม่ จะมีการปันผลให้บริษัทแม่ อนันดา และปิดบริษัทหนีไปแล้วใช่หรือไม่ และในระหว่างนี้จะมีการตั้งหนี้เผื่อสำรองไว้หรือไม่

ซึ่งในงบการเงินที่ผ่านมาในอดีต ทางบริษัทไม่ได้มีการตั้งสำรองในส่วนนี้เอาไว้ หรือว่าจะเป็นภาครัฐที่จะมาเยียวยา

เราเข้าใจว่า อาจจะเป็นอนาคตอีกยาวไกล แต่ในฐานะผู้บริโภคที่หากินอย่างสุจริต ด้วยน้ำพักน้ำแรงของพวกเรา อดไม่ได้ที่คิดไปเผื่ออนาคตข้างหน้า

สุดท้าย ชาวลูกบ้านแอชตัน อโศก ขอยืนยันว่าเคารพคำตัดสินของศาลชั้นต้น เคารพกฎหมาย และความถูกต้อง ถือเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด ออกมาว่าไม่ชอบ และส่งกระทบให้ต้องมีการรื้อถอนอาคาร เราก็ยังเคารพในคำตัดสินของกฎหมายอยู่ดี

เช่นเดียวกันกับที่เราในฐานะผู้บริโภคได้ซื้อบ้านมาอย่างถูกต้องตามกฎหมายเช่นเดียวกัน เราผ่านขั้นตอน และมีการเสียค่าธรรมเนียมอย่างถูกต้อง โดยมีหน่วยงานรัฐเห็นชอบด้วย

เราเคารพในคำตัดสินศาลและกฎหมายบ้านเมือง รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ แต่เราอยากวอนแค่สิ่งที่เราเคารพและยึดมั่น ช่วยพิจารณาถึงผลกระทบต่อพวกเราด้วย

ขอความช่วยเหลืออย่างเป็นธรรม ถึงผลกระทบต่างๆ ที่เราได้รับ และอาจจะได้รับในอนาคต พวกเราขอความเห็นใจในลูกบ้านแอชตัน อโศก ด้วย

ข่าวที่เกี่ยวข้อง