จับตางบฯ "มหาดไทย" สร้างกำแพงกันคลื่น- ขอคืนงบฯให้ท้องถิ่นซื้อวัคซีน

การเมือง
20 ส.ค. 64
18:34
568
Logo Thai PBS
จับตางบฯ "มหาดไทย" สร้างกำแพงกันคลื่น- ขอคืนงบฯให้ท้องถิ่นซื้อวัคซีน
ส.ส.แปรญัตติ และ อภิปรายการจัดสรรงบฯ กระทรวงมหาดไทย ขอปรับลดงบฯโครงการสร้างกำแพงกันคลื่นเนื่องจากแก้ปัญหาไม่ครบทุกมิติและมีความซ้ำซ้อน และขอคืนงบฯให้ท้องถิ่นเพื่อจัดหาวัคซีน COVID และ ขอลดงบฯอบรมสัมมนา

วันนี้ (20 ส.ค.2564) ) ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ในมาตรา 20 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงมหาดไทย 260,3348,475,200 บาท ที่ประชุมฯจำนวนผู้ลงมติ 338 คน มีมติเห็นด้วย 233 เสียง ไม่เห็นด้วย 104 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 1 คน โดยเสียงส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการแปรญัตติของกรรมาธิการงบฯ 

ขอตัดงบฯสัมมนา

น.ส.วรรณวรี ตะล่อมสิน ส.ส.พรรคก้าวไกล ขอปรับลดงบประมาณ กระทรวงมหาดไทย จำนวน 431 ล้านบาท ในส่วนของสำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย กรมการปกครอง และกรมพัฒนาชุมชน เนื่องจากพบว่า มีโครงการอบรมสัมมนาจำนวนมากและมีตัวชี้วัดที่ไม่เหมาะสม

 

 

จับตาโครงการสร้างกำแพงกันคลื่น

ขณะที่ นายกัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี ส.ส.ก้าวไกล เสนอตัดงบฯ ในมาตรา 20 ของกระทรวงมหาดไทย 10% โดยยกตัวอย่างโครงการแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ของกรมโยธาธิการและผังเมือง โดยเป็นงบก่อสร้างกำแพงกันคลื่นริมชายหาด โครงการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจดังกล่าวในงบฯ ปี 65 รวมทั้งสิ้น 1,090 ล้านบาท

นายกัญจน์พงศ์ กล่าวถึงเหตุผลที่ต้องปรับลด เพราะโครงการนี้แก้ปัญหาไม่ได้ในทุกมิติและก่อให้เกิดปัญหาในพื้นที่ข้างเคียง อาจเป็นโครงการที่ไม่มีจุดสิ้นสุดชัดเจน และบางโครงการซ้ำซ้อนกับโครงสร้างเดิม รวมถึงยังไม่จบกระบวนการรับฟังความเห็น เป็นการมัดมือชกให้กับประชาชน

 

นายกัญจน์พงศ์ ย้ำว่า การรับฟังเสียงสะท้อนจากประชาชน เป็นสิ่งที่หน่วยงานรัฐต้องพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เพื่อไม่ให้การดำเนินงานของภาครัฐสร้างความขัดแย้งในสังคมภายหลัง และต้องมาตามแก้ไขปัญหา โดย ส.ส.พรรคก้าวไกลได้พร้อมใจกันชูป้ายที่มีข้อความว่า "กำแพงกันคลื่นต้องทำ EIA

ลดงบฯ มท. คืนท้องถิ่นที่ต้องจัดซื้อวัคซีนเอง

นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ประชาธิปัตย์ ขอแปรญัตติปรับลดงบฯ กระทรวงมหาดไทย เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาประเด็นวัคซีนที่ดำเนินการผ่าน สธ.ไม่เพียงพอ และกระจายล่าช้า ทำให้องค์กรปกครองท้องถิ่น ต้องขอนำงบฯ ไปจัดซื้อวัคซีนเอง แทนที่จะใช้งบฯ ที่มีจำนวนน้อยอยู่แล้วไปใช้พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ถนน ไฟฟ้า และน้ำประปา

 

ยกตัวอย่าง จ.ราชบุรี ต้องนำงบฯ ไปซื้อวัคซีนซิโนฟาร์มเพื่อเร่งฉีดให้ประชาชนในพื้นที่ กระทบงบฯ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน จึงขอปรับลดงบฯ ส่วนดังกล่าว เพื่อนำมาคืนให้ท้องถิ่นต่าง ๆ ที่ต้องนำเงินไปจัดซื้อวัคซีน เพราะวัคซีนเป็นความต้องการพื้นฐานในช่วงการแพร่ระบาด COVID-19 ทุกคนต้องได้วัคซีนเท่าเทียมกัน แต่ที่ผ่านมารัฐบาลจัดหาได้ช้าและไม่เพียงพอ

นอกจากนี้ ท้องถิ่นทั้ง อบจ. อปท. อบต. โดยเฉพาะตำบลเล็ก ๆ เมื่องบฯ ไม่เพียงพอแล้วต้องขอเงินอุดหนุนผ่านกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น จึงสงสัยว่าเหตุใดไม่จัดสรรเงินให้ท้องถิ่นโดยตรง ไม่ต้องรอร้องขอ เพราะมีภารกิจทั้งบำรุงรักษาถนน คลอง

ตัดงบฯ ซื้อรถพ่นละอองน้ำลดฝุ่น คันละ 30 ล้าน

นายอัครเดช ยังตั้งข้อสังเกตการจัดซื้อรถพ่นละลองน้ำลดฝุ่น PM 2.5 ของ ปภ.คันละ 30 ล้านบาท เป็นจำนวน 6 คัน ส่วนตัวมองว่าไม่จำเป็น และรถดังกล่าวไม่สามารถลดฝุ่น PM 2.5 ได้ แต่ต้องลดการปล่อยควันจากรถยนต์ 

แนะแก้ปัญหาที่ทำกินให้ประชาชน

นายอภิชาติ ส.ส.ก้าวไกล อภิปรายโดยระบุว่าเดิมงบฯ ก.มหาดไทย เนื่องจากเห็นว่า กมธ.ปรับลดน้อยเกินไปโดยขอปรับงบฯลดลง 5 % จากภาพรวม เนื่องจาก กระทรวงมหาดไทยมีหลายปัญหาที่รอการแก้ไข และในสถานการณ์ COVID-19 กระทบกับประชาชนโดยตรงโดยหลายคนต้องเดินทางกลับบ้านและหวังว่ารัฐจะช่วยเยียวยาแก้ไขปัญหาและมีที่ดินทำมาหากินแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น

เนื่องจากงบฯถูกนำมาใช้เร่งด่วนในโครงการ อื่นๆ เช่น งบประมาณแผนงานพื้นฐานด้านการปรับปรุงสมดุลการพัฒนาบริหารภาครัฐ หรือ ก็คือ โครงการเช่ารถประจำตำแหน่ง ซึ่งไม่ใช่การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบและควรชะลอโครงการเหล่านี้

 

รวมถึง แผนยุทธศาสตร์บริการประชาชนและเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ เช่น ก่อสร้างบ้านพักผู้ว่าราชการ ก่อสร้างศูนย์ราชการ ซึ่งควรที่จะชะลอโครงการอย่างนี้

ขณะที่ งบฯในการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน นั้นซึ่งกรมที่ดินเป็นหัวใจหลักในการแก้ไขปัญหาเหล่านี้ โดยปีที่ผ่านมาในปี 64 กรมที่ดินจัดงบฯออกโฉนดจำนวน 50 จังหวัด ซึ่งควรจัดงบประมาณให้ครบทุกจังหวัด ควรนำปัญหาของประชาชนเป็นที่ตั้ง ควรเร่งแก้ปัญหาออกเอกสารสิทธิให้ประชาชน ดังนั้นแล้วควรนำงบไปพิจารณาแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและระบบสาธารณูปโภคต่อไป

กมธ.ชี้แจง ปรับลดงบฯสัมมนาแล้ว-ย้ำโครงการก่อสร้างจำเป็น

นายวิเชียร เชาวลิต กมธ.งบฯปี 65 ชี้แจงว่า การแปรญัตติและอภิปรายโดย กรณีโครงการอบรมสัมมนาในสถานการณ์ COVID-19 ทางอนุ กมธ.อบรมสัมมนา ได้ตรวจสอบและปรับลดงบฯไปแล้วและอยู่ในอัตราและจำนวนที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้งานมีอุปสรรค

 

ขณะที่งบประมาณการบริหารงานในหน้าที่ของกระทรวงมหาดไทยเช่น ศูนย์ราชการ รถเช่า บ้านพักข้าราชการ กองร้อยอาสารักษาดินแดน ที่ว่าการอำเภอ ซึ่งเป็นงบการบริหารงานพื้นฐานขององค์กร โดยอนุกรรมการที่ดิน สิ่งก่อสร้าง และครุภัณฑ์ ระบุว่ามีเหตุผลจำเป็นและถึงเวลาต้องเปลี่ยนและปรับปรุงจึงจะคุ้มกว่า ขณะที่กรณีรถเช่าหากไม่ดำเนินการก็จะไม่มีรถในการใช้งาน โดยทุกอย่างอนุกมธ.ตรวจสอบแล้วและเป็นไปตามเงื่อนไขและหลักเกณฑ์

รวมถึง การจัดตั้งศูนย์ทำหน้าที่ดูแลเก็บหัวกระสุนและปลอกกระสุน ซึ่ง ก.หมาดไทยมีหน้าที่เก็บหลักฐายหัวกระสุนและปลอกกระสุน ซึ่งต้องมีฐานข้อมูลตรงนี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง