วันนี้ (23 ส.ค.2564) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องขอให้ไต่สวนเอาผิดอธิบดี รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ผอ.สถาบันบำราศนราดูร จ.นนทบุรี และอีก 214 คน ที่ได้รับการฉีดเข็มที่ 4 ไปแล้ว ฐานกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ตามพระราชบัญญัตติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ป.ป.ช. 2561
สืบเนื่องจากอธิบดีกรมควบคุมโรคออกมาชี้แจงยืนยัน มีบุคลากรทางการแพทย์ รพ.รามาธิบดี จำนวน 2 คน ที่ฉีดวัคซีนชิโนแวคแล้ว 2 เข็ม และฉีดแอสตราเซนเนกา อีก 1 เข็ม รวมเป็น 3 เข็มแล้ว และต้องการเดินทางไปศึกษาต่อต่างประเทศ แต่ประเทศปลายทางคือแคนาดา ประกาศชัดเจนว่าไม่รับรองวัคซีนซิโนแวค จึงจำเป็นต้องฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้
แต่รองอธิบดีกรมควบคุมโรคกลับชี้แจงว่า บุคลากรทางการแพทย์ 2 คนดังกล่าว กำลังจะเดินทางไปปฏิบัติงานที่ประเทศแคนาดา ซึ่งมีระเบียบว่าต้องได้รับวัคซีนที่แคนาดากำหนดจึงสามารถเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ได้แก่ แอสตราเซนเนกา, ไฟเซอร์, โมเดอร์นา, จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และโควิดชิลด์ ร่วมกับแสดงผลตรวจหาเชื้อโควิดก่อนเข้าประเทศเป็นลบ
คำชี้แจงดังกล่าวตรงกันข้ามกับ ผอ.รพ.รามาธิบดีและอธิบดีกรมควบคุมโรคโดยชัดแจ้ง โดยอ้างเหตุผลว่าเป็นการไปปฏิบัติงาน ทั้งที่ไปศึกษาต่อ จึงชี้ให้เห็นถึงเล่ห์กลของผู้มีอำนาจหน้าที่ในการอนุญาต อาจเล่นพวกพ้องกัน เพราะเป็นแพทย์เหมือนกัน จึงอนุญาตฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ให้
นายศรีสุวรรณ ระบุว่า แต่ที่น่าตกใจยิ่งไปกว่านั้น เมื่อผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข ออกมาให้ข้อมูลว่าขณะนี้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ไปแล้วรวมประมาณ 200 คน แต่ข้อเท็จจริงกลับปรากฏว่ามีมากกว่า 214 คน ที่ได้รับการฉีดวัคซีน เข็มที่ 4 ไปแล้ว โดยไม่ทราบเหตุผล กรณีดังกล่าวรัฐบาล โดย ศบค. ปล่อยให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นได้อย่างไร
ทั้งนี้ สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงขอร้องเรียนต่อ ป.ป.ช. ให้ไต่สวนสอบสวนเอาผิดผู้ที่อนุมัติอนุญาตให้มีการฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 รวมทั้งให้สอบเอาผิดผู้ที่หน้าด้านมาขอรับฉีดวัคซีนเข็มที่ 4 ทั้ง 214 คน ด้วย และดำเนินการเอาผิดขั้นสูงสุดต่อบุคคลเหล่านี้ หากเป็นข้าราชการให้สั่งเอาผิดทางวินัย หากเป็นนักการเมืองให้เอาผิดทางจริยธรรมร้ายแรง เพื่อหยุดยั้งกระบวนการนี้