วันนี้ (31 ส.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่รัฐสภา วันแรก เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล โดยมีรัฐมนตรีที่ถูกยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ จำนวน 6 คน ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข
นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
นายกฯ พร้อมรับฟังอภิปราย
ต่อมาเวลา 08.40 น.พล.อ.ประยุทธ์ เดินทางมาถึงรัฐสภา โดยมีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส และทักทายสื่อมวลชนตามปกติ และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มีความพร้อมในการชี้แจงอภิปรายแค่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า
ก็พร้อมนะ
ส่วนกระแสข่าวไลน์คุยกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กรณีกระแสข่าว ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล จะโหวตคว่ำ นายกรัฐมนตรี พยักหน้าหลายครั้งในเชิงยอมรับ
เวลา 09.50 น.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชี้แจงระเบียบการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ต่อเนื่องจนถึงวันที่ 3 ก.ย.นี้ และนัดลงมติ 4 ก.ย.นี้
"สมพงษ์" เรียกชื่อนายกฯ เป็นบิ๊กจิ๋ว
เวลา 10.00 น.นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน เป็นผู้เสนอญัตติในสภา แต่เมื่อเริ่มอภิปราย นายสมพงษ์ พูดผิด โดยเรียกพล.อ.ประยุทธ์ เป็น พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ถึงสองครั้ง
ก่อนที่จะโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ว่า ไร้ความรู้ ไร้ความสามารถ ทำให้การบริหารประเทศล้มเหลว ผิดพลาดทุกเรื่อง โดยเฉพาะการระบาดของ COVID-19 ทำให้ประชาชนตายคาถนน ตายในรถ ตายยกครัว ทำให้ประชาชนเดือดร้อน ธุรกิจเลิกกิจการ พร้อมระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีพฤติการณ์ฉ้อฉลหลายเรื่อง เช่นการจัดซื้อวัคซีน อ้างว่ามีวัคซีนในพระปรมาภิไธย มาฉีดให้ประชาชน เป็นการทำลายความน่าเชื่อถือของสถาบัน
จัดซื้อวัคซีนมีลักษณะค้าความตาย เห็นวัคซีนเป็นสินค้า คิดการใหญ่สร้างกําไรจากวัคซีนร่วมกับนายอนุทิน หวังกอบโกยผลประโยชน์บนซากศพ และคราบน้ำตาของประชาชน
และใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ทำให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงเป็นระยะๆว่าใส่ความ ขัดข้อบังคับ แต่นายชวนยังยืนยัน เป็นไปตามข้อบังคับ
จวก รมต.ไร้ความสามารถ-มุ่งประโยชน์ส่วนตัว
นายสมพงษ์ กล่าวถึงเหตุผลในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอนุทินว่า เพราะบริหารกระทรวงผิดพลาด บกพร่องอย่างร้ายแรง โดยเฉพาะการรับมือ COVID-19 มีการประเมินความรุนแรง และผลกระทบของโรคนี้ผิดพลาดอย่างร้ายแรง โดยเห็นว่าเป็นเพียงไข้หวัดธรรมดา เมื่อป่วยแล้วจะหายเองได้
นอกจากนี้ยังปล่อยปละละเลยในการบริหารด้านสาธารณสุข และมาตรการป้องกันและควบคุมโรค โดยเฉพาะวัคซีน จนทำให้การแพร่ระบาดของโรคไปอย่างรวดเร็ว กว้างขวาง และรุนแรง
เวลา 10.30 น. นายสมพงษ์กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ว่า ไม่มีความรู้ในการบริหารกระทรวง ทำให้ผู้ใช้แรงงานได้รับผลกระทบทั้งระบบ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย กระทำการอันขัดต่อผลประโยชน์ ส่อว่ามีผลประโยชน์ทับซ้อน ปล่อยปละละเลยให้แรงงานข้ามชาติเข้าเมืองโดยผิดปกติ
จากนั้น นายสมพงษ์ระบุถึงเหตุผลที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ว่า มีพฤติการณ์ทุจริตต่อหน้าที่ จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง มุ่งแต่แสวงหาและกอบโกยผลประโยชน์ จากโครงการขนาดใหญ่ รู้เห็นและปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในการประมูลโครงการใหญ่หลายโครงการ
เวลา 10.35 น. นายสมพงษ์ระบุถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายชัยวุฒ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ว่า ใช้ตำแหน่งหน้าที่และสื่อของรัฐบิดเบือนข้อเท็จจริง และสร้างความแตกแยกในสังคม ทำลายบรรทัดฐานอันดีงามของสังคม มุ่งประโยชน์ทางการเมืองมากกว่าประโยชน์ของประเทศ
ขณะที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรฯ เป็นบุคคลที่ไร้ภูมิปัญญา และไร้ความสามารถในการบริหารงาน ทำให้การบริหารด้านการเกษตรล้มเหลวทั้งระบบ เข้าไปมีส่วนได้ส่วนเสียในการเรียกรับผลประโยชน์ จากโครงการที่ตนกำกับดูแล สร้างความเสียหายให้รัฐจำนวนมาก