วันนี้ (1 ก.ย.2564) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 24 ส.ค.ที่ผ่านมา เป็นวันครบรอบขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งเป็น 8 ปีแห่งความล้มเหลว พังพินาศทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจ ความเหลื่อมล้ำระหว่างคนรวยคนจน สิทธิประชาชนถูกลดทอน ประชาธิปไตยเสื่อมถอย ความขัดแย้งในสังคมมากเข้ามากเข้า เป็น 8 ปีที่ทนทุกข์ทรมานของคนไทยทั้งชาติ
เศรษฐกิจไทยภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ เพียงแค่ 8 ปี ล้มเหลว ตกต่ำ ธุรกิจปิดตัว การตกงานสูงอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน คนยากคนจนเพิ่มขึ้นมาสูงอย่างต่อเนื่อง
นายจุลพันธ์กล่าวว่า จากไทยที่มีเศรษฐกิจแข็งแกร่งเป็นเป้าหมายของนักลงทุนทั่วโลก ท่านทำลายความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจไทยยับเยิน ทำลายรากฐานระบบเศรษฐกิจ
วันนี้ เกิดสถานการณ์วิกฤต เช่น โควิด-19 ประเทศไทย คนไทย เศรษฐกิจไทย จึงไม่มีความพร้อมที่จะปรับตัวเพื่อรองรับกับการแข่งขันและภัยพิบัติวิกฤตที่เกิดขึ้น การบริหารที่ผิดพลาด โดยเฉพาะในเรื่องการบริการวัคซีน และการจัดสรรวัคซีน วัคซีนดีๆ หาไม่ได้ กระจายฉีดก็ไม่เป็นธรรม สุดท้ายสร้างภาระทางเศรษฐกิจต่อเนื่องมา มากดทับคนไทยอย่างหนัก
ความล้มเหลวในเรื่องของการเยียวยา ความล้มเหลวในเรื่องของการล็อกดาวน์แบบไร้ทิศทางไร้อนาคต ชี้ชัดว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งบริหารเศรษฐกิจไทยยิ่งพัง
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า คนไทยไม่ตายด้วยโควิด-19 ก็ต้องมาตายด้วยพิษเศรษฐกิจที่ พล.อ.ประยุทธ์ ก่อขึ้น ท่านทราบหรือไม่ว่าเศรษฐกิจไทยใน 8 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตอยู่ในลำดับรั้งไทยของภูมิภาค และอยู่ในลำดับท้ายๆ ของโลก
หากนับแต่ประเทศที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจที่ใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของจำนวนประชากร โครงสร้างทางเศรษฐกิจ ภูมิภาคต่างๆ ไม่น่าเชื่อว่าความแตกต่างในเรื่องของตัวผู้นำ จะทำให้เศรษฐกิจไทยตกต่ำได้ยาวนานขนาดนี้
ตัวเลขเศรษฐกิจนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เกิดจากความไร้ความสามารถ ไร้ความรู้ความเข้าใจในระบบเศรษฐกิจของ พล.อ.ประยุทธ์ แต่ท่านอวดเก่งอวดดี ท่านบอกว่าท่านเป็นคนที่เหมาะสม ดีที่สุดแล้ว
ท่านแต่งตั้งตัวเองเข้ามาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจถึง 8 ปี ผลคือ กกร.ออกมาแถลงแนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปีนี้ จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ติดลบ 1.5 - 0
นายจุลพันธ์อภิปรายว่า ขณะที่สภาหอการค้าไทยได้สอบถามความเห็นของสมาชิก สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ
70 % ของนักลงทุนต่างประเทศบอกว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2564 จะขยายตัวได้น้อยกว่า 0 ทุกคนมองตรงกันหมดว่า ปีนี้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจไทยติดลบ หมายความว่า เราจะเจอการหดตัวทางเศรษฐกิจ 2 ปีต่อเนื่อง
เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ไปบอกนักเศรษฐศาสตร์คนไหนในโลกว่าไทยทำได้ การเติบโตติดลบ 2 ปี ไม่มีใครเชื่อ จากเศรษฐกิจโลกในปีที่แล้ว โตติดลบจากวิกฤตโควิด-19 ที่เกิดขึ้น ลบ 3.2 % ไทยหนักกว่า ลบถึง 6.4 %
แต่ปีนี้ด้วยการพัฒนาวัคซีนที่เกิดขึ้น และประเทศหลักๆ ทั่วโลกสามารถบริหารจัดการการฉีดวัคซีนได้อย่างมีประสิทธิภาพ เศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวและดีขึ้น ปีนี้คาดการณ์กันว่าเศรษฐกิจโลกจะกลับมาโตที่ 6 % ส่วนไทยยังติดลบอยู่
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า สาเหตุที่โลกกลับมาขยายตัวได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมันเกิดจากการหดตัวในปีก่อนหน้า ทำให้ฐานเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำมาก และเกิดจากแรงอั้นที่ปีที่แล้วโตไม่ได้
สิ่งที่เกิดขึ้นบวกกันเขาเรียกกันว่า รีบาวน์ เอฟเฟ็ก คือสะท้อนกลับ ทำให้เศรษฐกิจโลกกลับมาโตได้ถึง 6 % แต่ไทยไม่สามารถทำได้ และยังติดลบอยู่ ประเทศไทยกำลังเจอการติดลบอยู่ 2 ปีซ้อน ต้องเรียกว่าถ้าไม่ห่วยจริงทำไม่ได้ แต่เรื่องเศรษฐกิจล้มเหลวแบบนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่พลาด ไม่พลาดจริง ๆ
เชื่อหรือไม่ว่าในปี 2564 คาดการณ์กันว่า จะมีเพียง 3 ประเทศเท่านั้น ที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจติดลบ 2 ปีต่อเนื่อง 1.เวเนซูเอลา 2.ภูฎาน 3.ประเทศไทย เราไปอยู่ในกลุ่มประเทศที่การเติบโตติดลบ 2 ปีต่อเนื่อง เพราะการบริหารที่ผิดพลาดของรัฐบาลชุดปัจจุบัน