วันนี้ (3 ก.ย.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวลา 17.55 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเปิดคลิปประชาชนที่ออกมาขอบคุณบุคลากรแพทย์ และทุกหน่วยงานที่ดูแลช่วง COVID-19 ช่วยรักษาคนติดเชื้อ ช่วยดูแลประชาชน พร้อมยืนยัน รัฐบาลไม่เคยทอดทิ้งใคร
แม้ไทยจะไม่ได้รับมือ COVID-19 ดีที่สุด แต่ก็ไม่ได้แย่ที่สุดเช่นกัน การที่คนตายเพราะ COVID-19 เท่ากับรัฐบาลค้าความตาย ผมมองว่าไม่เป็นธรรม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ขอให้มองมุมกลับแล้วจะพบว่าอัตราการหายป่วยของไทยมากกว่า 85% ของผู้ติดเชื้อ ด้วยความร่วมมือของทุกคน โดยในช่วง 3 วันที่ผ่านมา ได้ยินประเด็นและข้อมูลต่าง ๆ มากมาย ซึ่งรู้สึกขอบคุณและรับฟังทุกข้อมูล ทุกความเห็น และทุกข้อเสนอแนะ
รัฐบาลจะนำไปปรับปรุง แก้ไขจุดอ่อนในการทำงานที่อาจจะยังมีอยู่บ้าง
นายกรัฐมนตรี ยังได้ประกาศให้คำมั่นกับคนไทยทุกคนว่า รัฐบาลจะร่วมมือกับทุกฝ่าย ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพื่อนำพาประเทศไทย ก้าวไปสู่อนาคตที่มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ตามที่คาดหวังอย่างไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใด ๆ "เราคนไทยเชื่อกันว่าฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ" แม้จะไม่มีใครบอกได้ว่า วิกฤต COVID-19 จะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่ความหวัง ความศรัทธาจะเป็นพลังสำคัญให้เราก้าวข้ามความยากลำบากในวันนี้ได้
หวังกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 เดือนสุดท้ายปีนี้
นอกจากนี้ 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ รัฐบาลเตรียมกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องทั้งโครงการคนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ทุกมาตรการโปร่งใส ตรวจสอบได้ ใครเข้าไม่ถึงจะพิจารณาขยายกลุ่มต่อไป รวมถึงสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงสวัสดิการพื้นฐานต่าง ๆ ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ และดูแลหนี้สินให้ประชาชน
ปี 64 เป็นปีที่มีความท้าทาย เราทุกคนควรใช้เวลาช่วงนี้ รวมไทยสร้างชาติ เดินหน้าประเทศไทย
รัฐบาลประกาศเดินหน้า 6 แผนยุทธศาสตร์
พล.อ.ประยุทธ์ ยังใช้โอกาสนี้ประกาศยุทธศาสตร์ของประเทศที่รัฐบาลจะเดินหน้าต่อ ประกอบด้วย
1.ต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานและการลงทุนในภูมิภาค หลัง 6 ปี การลงทุนของภาครัฐขยายตัวเฉลี่ย 7.9% ต่อปี ครอบคลุมถึงการขยายถนน ระบบราง สนามบิน ท่าเรือ ระบบพลังงานจากไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ มุ่งมั่นพัฒนาพื้นที่ EEC รวมถึงบริเวณเศรษฐกิจ 4 ภาค
2.ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อต่อสู้กับภาวะโลกร้อน หรือการก้าวเข้าสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ซึ่งเป็นวาระของโลก ผลักดันให้มีรถพลังงานไฟฟ้า EV 30% ในปี 2573 ผลิตไฟฟ้าโดยใช้พลังงานทดแทน 50% ลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกในภาคอุตสาหกรรม ปลูกป่า 31.8 % เป็น 40% ในปี 2579
3.อุตสาหกรรมเดิมต้องเข้มแข็งขึ้น ทั้งอุตสาหกรรมอาหารและเกษตรแปรรูป เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรคุณภาพสูง ด้วยนวัติกรรมและเทคโนโลยี ศูนย์กลางแพทย์ ดึงดูดการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ ศูนย์กลางขนส่งและโลจิสติกส์ เพิ่มสัดส่วนนักท่องเที่ยวคุณภาพให้มีรายจ่ายสูงขึ้น
4.อุตสาหกรรมใหม่แห่งอนาคต เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดที่เผลี่ยนแปลงไป เช่น ศูนย์กลางด้านดิจิทัลในภูมิภาค การเติบโตของเศรษฐกิจแพลตฟอร์ม เช่น แอปฯ เป๋าตัง พัฒนาอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ และยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมเชื้อเพลิง ชีวภาพ เคมีชีวภาพ และพลาสติกชีวภาพ
5.การสร้างภูมิคุ้มกันและแต้มต่อให้ SMEs พัฒนาผู้ประกอบการยุคใหม่ สร้างโอกาสด้านต่าง ๆ แก่ผู้ประกอบการด้าน SMEs สนับสนุนการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด รวมถึงส่งเสริมให้ SMEs เข้าสู่ตลาดการจัดซื้อจัดจ้างของภาครัฐ ซึ่งมีมูลค่าถึง 1.3 ล้านล้านบาทต่อปีให้มากยิ่งขึ้น โดยคาดว่าจะสร้างมูลค่า 42%ต่อจีดีพี และสร้างการจ้างงาน 12 ล้านคน
6.การปฏิรูปและพัฒนาระบบการบริหารงานภาครัฐ เน้นส่งเสริมศักยภาพ และดึงดูดการลงทุนของประเทศเพิ่มมากขึ้น โดยมีเป้าหมายให้ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น อันดับของ Ease Of Doing Business ต้องติด 1 ใน 10 ของโลกในปี 2565 - 2566 พร้อมยกระดับงานบริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
รวมทั้งการปฏิรูปตำรวจ ปฏิรูปการศึกษา ได้มีการดำเนินการล่วงหน้าไปแล้ว และพยายามจะเดินหน้าต่อไปให้เป็นผลสำเร็จ
"สุทิน" อภิปรายปิด ย้ำรัฐบาลบริหารล้มเหลว
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.เพื่อไทย กล่าวสรุปปิดท้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจ 4 วัน ใช้เวลา 50-60 ชั่วโมง ว่า สาเหตุสำคัญของการอภิปรายในครั้งนี้ เนื่องจากประชาชนจมอยู่ในกองทุกข์และประเทศจมอยู่ในกองหนี้ รวมทั้งไร้ทางออกและไร้ความหวัง ซึ่งการยื่นญัตติในครั้งนี้ใช้ภาษารุนแรงมาก "ค้าความตาย ไร้ภูมิปัญญา ไร้ความสามารถ" แรก ๆ คิดว่าภาษาหนักจริง แต่พอฟังเหตุผลแล้วขอให้เปิดใจกว้างรับฟัง เพราะอยู่ในบรรยากาศที่คนทุกข์ คนตาย สภาฯ ก็ต้องเป็นสิ่งสะท้อนอารมณ์ของสังคม
นายสุทิน กล่าวว่า ตัวเลขที่บอกว่ายอดติดเชื้อและเสียชีวิตจาก COVID-19 ในไทย น้อยกว่าหลายประเทศ รวมทั้งอังกฤษ แต่ตั้งข้อสังเกตอังกฤษตรวจหาเชื้อวันละ 700,000 คน ไทยตรวจวันละ 40,000 คน จึงไม่แปลกใจที่ตัวเลขติดเชื้อน้อยกว่า
ทุกคนกลัวตาย ฉะนั้นใครทำให้เขาตายจากการบริหารผิดพลาด ถือเป็นความล้มเหลวสูงสุด
อีกทั้งผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 ต่ำกว่ามาตรฐานความเป็นมนุษย์ พรรคฝ่ายค้านอภิปรายและนำเสนอภาพคนเสียชีวิตริมถนน เพราะต้องการกระตุ้นต่อมความรับผิดชอบและความรู้สึกของรัฐบาล ขณะที่แรงงานในกรุงเทพฯ ต้องส่งเงินกลับบ้าน แต่เมื่อป่วยแล้วก็ต้องขอกลับบ้านแทน จะอยู่กันได้อย่างไรและหาอะไรกิน เพราะเขาเป็นที่พึ่งของครอบครัว
โดยเฉพาะอาชีพเกษตรกร ชาวนา ชาวสวนยางพารา ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก สินค้าเกษตรราคาตกต่ำทุกชนิด แม้แต่ชาวประมงก็ต้องขายเรือ ขณะที่พ่อค้า แม่ค้า SMEs ได้รับผลกระทบถ้วนหน้า เหลือเพียงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่เข้มแข็งและมีผลกำไร