วันนี้ (8 ก.ย.2564) นพ.เฉวตสรร นามวาท ผู้อำนวยการกองควบคุมโรคและภัยสุขภาพในภาวะฉุกเฉิน แถลงสถานการณ์การแพร่ะระบาดของโรค โควิด -19 พบว่า วันนี้ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่ม 14,176 คน เป็นการติดเชื้อใหม่ 13,670 คน ติดเชื้อภายในเรือนจำ/ที่ต้องขัง 506 คน ผู้ป่วยตั้งแต่ 1 เม.ย.64 สะสม 1,293,656 คน หายป่วยเพิ่ม 16,769 คน หายป่วยสะสม 1,138,938 คน กำลังรักษา 142,644 คน เสียชีวิต 228 คน
ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ภาพรวมมีแนวโน้มลดลงแต่ยังสูงคงอยู่ ขณะที่ผู้เสียชีวิต รวม 228 คน ชาย 113 คน หญิง 115 คน รวมถึงแนวโน้มการเสียชีวิตภาพรวมลดลง ขณะที่ในพื้นที่ 48 จังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ แนวโน้มผู้ติดเชื้อสูงสุดในเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งพบผู้ติดเชื้อราว 20,000 คน ขณะนี้แนวโน้มต่อเนื่องจากปลายเดือน ส.ค. และมาต้นเดือน ก.ย. และมีการปรับมาตรการบางส่วนแล้วพบว่า ทิศทางก็ยังมีแนวโน้มลดลงซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี โดยต่างจังหวัดคิดเป็นร้อยละ 56 ขณะที่กรุงเทพฯและปริมณฑลร้อยละ 44
นพ.เฉวตสรร ยังกล่าวว่า นอกจากนี้หลายพื้นที่หลังมีความเข้มงวดในการตรวจหาเชื้ออย่างเข้มข้น และเมื่อพบผู้ป่วยจะแยกกักทำให้ดูแลผู้ติดเชื้อได้ดีขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ทางภาคเหนือและอีสานพบว่า จังหวัดที่เปลี่ยนจากสีเหลืองเป็นสีเขียวมากขึ้น
ขณะที่ 10 จังหวัดผู้ติดเชื้อสูงสุด มีเพียงกรุงเทพฯที่มีผู้ติดเชื้อเกิน 1,000 รายต่อวัน โดยวันนี้พบผู้ติดเชื้อ 3,691 สมุทรปราการ 655 คน ชลบุรี 846 สมุทรสาคร 641 และราชบุรี 528 คน ขณะที่การพบคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อในช่วง 14 วัน ช่วงวันที่ 8 ส.ค. - 4 ก.ย.2564 ยังพบ ในโรงงาน/สถานประกอบการ ,ตลาดชุมชน/ครอบครัว โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสีแดงเข้มและยังคงต้องเน้นในมาตรการบับเบิลแอนด์ซีล
นอกจากนี้ การประชุมคณกรรมการกำกับ ติดตาม และประเมินผล มาตรการด้านการเฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมโรคในพื้นที่กรุงเทพฯ ผลการฉีดวัคซีนพบว่า การฉีดวัคซีนใน กทม.เป็นไปตามเป้าหมาย โดยกำชับ โรงพยาบาลเอกชนให้ดำเนินการตามแผนอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่มาตรการภายหลังการให้เปิดกิจการ-กิจกรรมตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.เป็นต้นมา ย้ำว่า ในพื้นที่ กทม.ต้องมีการติดตามและประเมินผลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเตรียมพร้อมในการฉีดวัควีนให้กลุ่มเยาวชนอายุ 12 -17 ปี ตามเป้าหมาย 400,000 คน ในทุกสังกัดทั้ง ม.ต้น ม.ปลาย และ ปวช.
ขณะที่การดำเนินการฉีดวัคซีนในแคมป์ก่อสร้าง ของ กทม.และสำนักงานประกันสังคม เริ่มดำเนินการตั้งแต่วันที่ 8 ก.ค.ดำเนินการฉีดไปแล้ว จำนวน 61,841 คน รวม 606 แคมป์ คาดแล้วเสร็จในวันที่ 10 ก.ย.นี้ โดยแคมป์ที่ไม่เคร่งครัดควรมีมาตรการลงโทษ - ปรับตามกฏหมาย โดยสำนักอนามัยกรุงเทพฯจะเสนอให้คณะกรรมการโรคติดต่อพิจารณาต่อไป หากพบการแพร่ระบาดขึ้น
นอกจากนี้ การป้องกันควบคุมโรคในตลาดและโรงงาน ซึ่งขณะนี้พบแนวโน้มลดลงมาจากจุดสูงสุด และอยากให้คงแนวทางนี้ต่อไป และต้องการให้มีการเฝ้าระวังต่อไป นอกจากนี้แรงงานต่างชาติในตลาดจะดำเนินการสุ่มตรวจเพื่อป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดต่อไป
ขณะที่การตรวจด้วย ATK สปสช.ได้มอบชุดตรวจ ATK แก่ กรุงเทพฯจำนวน 2,410,300 ล้านชิ้น โดยกระจายไปยังประชาชน 6 กลุ่มเสี่ยง โดยชุมชนกลุ่มจัดตั้ง 2,016 ชุมชน และ ตลาด ร้านอาหาร แผงลอย ขนส่งสาธารณะ ครูโรงเรียนในสังกัด รวม 1,351 แห่ง บริการ นวด เสริมสวย และกลุ่มเปราะบาง