วันนี้ (8 ก.ย.2564) พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผบก.ป. เปิดเผยกรณีการจับผู้ต้องหาในคดีฉ้อโกงประชาชน ซึ่งมีผู้เสียหายประมาณ 300 คนว่า ผู้ต้องหาคนนี้เริ่มก่อเหตุหลอกลวงประชาชนมาตั้งแต่ปี 2562 โดยสร้างตัวตนให้น่าเชื่อถือด้วยการอ้างตัวเป็นข้าราชการตำรวจ สังกัดกองบังคับการปราบปราม สร้างบัตรประจำตัวปลอม ใส่ยศ ตำแหน่งข้าราชตำรวจ แต่งกายเลียนแบบและยังออกงานสังคมช่วยเหลือกิจกรรมท้องถิ่น
อีกทั้งยังแอบอ้างว่า เป็นลูกน้องคนสนิทของนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ระดับผู้บัญชาการ และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ จากนั้นเริ่มหลอกลวงประชาชนในท้องถิ่น ด้วยการชักชวนระดมทุนอ้างให้ผลตอบแทนสูง เช่น จัดโปรโมชันช่วยงานผู้ใหญ่ลงทุน 10,000 บาท จะได้รับผลตอบแทนสูงสุด 500,000,000 บาท หรือ โปรโมชันล่องเรือสำราญ ลงทุน 380,000 บาท จะได้ผลตอบแทน 760,400,000 บาท เป็นต้น ซึ่งมีผู้หลงเชื่อประมาณ 300 คน มูลค่าความเสียหายที่ลงทุนไปรวม 22,000,000 บาท
ขณะที่ พ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. เปิดเผยผลการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่าก่อเหตุจริง หลังสร้างภาพลักษณ์เป็นตำรวจกองปราบจนคนหลงเชื่อ และอาศัยช่องทางจากประสบการณ์ที่เคยรู้จักผู้คนในวงการการระดมเงินลงทุนใน จ.เชียงใหม่ จนสันทัดมีความเชี่ยวชาญเรื่องการลงทุน จึงเริ่มหลอกประชาชนในวงการการลงทุน
โดยตั้งกลุ่มไลน์ชื่อว่า "กลุ่มไลน์กองปราบ" และ "กลุ่มรวมพลังสามัคคี" ซึ่งได้แจ้งกับสมาชิกว่า ตำรวจผู้ใหญ่ที่ตัวเองสนิทมีธุรกิจหรือโครงการขนาดใหญ่ เพื่อให้สมาชิกในกลุ่มร่วมลงทุนในโครงการโปรโมชันเงินบุญ ซึ่งเป็นแผนการลงทุนในรูปแบบต่าง ๆ มากถึง 272 โปรโมชัน และก็มีคนหลงเชื่อจำนวนมาก เพราะเชิญชวนกันปากต่อปาก ซึ่งเมื่อปี 2562 เคยถูกจับกุมดำเนินคดีลักษณะนี้มาแล้ว แต่ศาลให้รอลงอาญากระทั่งก่อเหตุซ้ำและถูกตำรวจจับกุมอีกครั้ง
ทั้งนี้ พนักงานสอบสวนแจ้งข้อกล่าวหา กระทำความผิดฐาน “ฉ้อโกง, ฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และไม่มีสิทธิใช้ยศของเจ้าพนักงาน กระทำการเช่นนั้นเพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนมีสิทธิ”
ขณะนี้มีประชาชนผู้เสียหายเข้าร้องทุกข์แจ้งความแล้ว 20 คน หากประชาชนท่านใดที่ลงทุนไปกับผู้ต้องหาคนนี้ หรือถูกหลวกลวงจนเกิดความเสียหายแล้ว สามารถเข้าแจ้งความเพิ่มเติมได้ที่กองบังคับการปราบปราม หรือ สถานีตำรวจท้องที่