"เอเชียประกันภัย" ขาดทุนสะสม 285.8 ล้านบาท - คปภ.ห้ามรับลูกค้ารายใหม่

เศรษฐกิจ
24 ก.ย. 64
10:27
1,937
Logo Thai PBS
"เอเชียประกันภัย" ขาดทุนสะสม 285.8 ล้านบาท - คปภ.ห้ามรับลูกค้ารายใหม่
เปิดข้อมูลของ "เอเชียประกันภัย" จากการรายงานไตรมาสที่ 2 ปี 2564 พบว่ามีผลขาดทุนสะสม 285.8 ล้านบาท หลังจากบอร์ด คปภ.เห็นชอบให้นายทะเบียนสั่งหยุดรับประกันภัยชั่วคราว คุมเข้มห้ามรับลูกค้ารายใหม่ ต้องจ่ายเคลมลูกค้ารายเดิมตามปกติ

วันนี้ (24 ก.ย.2564) จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (บอร์ด คปภ.) ครั้งที่ 10/2564 ได้มีมติเห็นชอบให้บริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) หยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ตั้งแต่วันที่ 23 ก.ย.2564 เป็นต้นไป

ทั้งนี้ จากปรากฏพฤติการณ์และหลักฐานต่อนายทะเบียนว่ามีฐานะการเงินไม่มั่นคง โดยมีประมาณการหนี้สินเกินกว่าทรัพย์สิน มีสภาพคล่องไม่เพียงพอสำหรับการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน และปรากฏว่าอัตราส่วนความเพียงพอของเงินกองทุนอาจจะต่ำกว่าเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ทำให้ไม่สามารถมั่นใจได้ว่าบริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ตามภาระผูกพันที่มีต่อผู้เอาประกันภัยหรือประชาชนได้

มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนล่าช้า อันเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามประกาศกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยหลักเกณฑ์ วิธีการ และระยะเวลาที่ถือว่าเป็นการประวิงการจ่ายค่าสินไหมทดแทนหรือประวิงการคืนเบี้ยประกันภัยของบริษัทประกันวินาศภัย

และยังคงมีจำนวนค่าสินไหมทดแทนค้างจ่ายจำนวนมากจนส่งผลกระทบต่อฐานะและการดำเนินการของบริษัท ตลอดจนชื่อเสียงและความน่าเชื่อถือของธุรกิจประกันภัย มีการกระทำที่เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย โดยเสนอขายกรมธรรม์ประกันภัยไม่เป็นไปตามแบบและข้อความที่ได้รับความเห็นชอบจากนายทะเบียน

ทั้งนี้ คณะกรรมการ คปภ.สั่งให้บริษัทหยุดรับประกันวินาศภัยเป็นการชั่วคราว ห้ามเคลื่อนย้ายหรือจำหน่ายทรัพย์สิน และให้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาฐานะการเงินและการดำเนินงาน โดยขอให้ประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล เนื่องจากบริษัทยังต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนตามปกติ และอุตสาหกรรมประกันภัยโดยภาพรวมไม่มีความเสี่ยงในเชิงระบบ

เปิดประวัติ - พบเพิ่มทุน 2 ปีซ้อน

สำหรับบริษัท เอเชียประกันภัย 1950 จำกัด (มหาชน) ก่อตั้งในปี 2493 เป็นบริษัทประกันภัยของกลุ่มธนาคารเอเชียทรัสต์ด้วยทุนที่ชำระแล้ว 30 ล้านบาท ก่อนที่ผู้ชำนาญการด้านธุรกิจประกันภัยนำโดย นายจุลพยัพ ศรีกาญจนา ได้เข้าถือหุ้นและบริหารงาน เพื่อสร้าง "เอเชียประกันภัย" ให้เป็นบริษัทประกันภัยที่มีนวัตกรรมใหม่แห่งวงการประกันภัย

ส่วนในปี 2548-2549 มีการคิดค้นประกันภัยรถยนต์แบบใหม่ แบบแรกในประเทศไทยจนได้เป็น GENERIC NAME ของวงการ ประกันภัย คือ ASIA 3+ ที่สร้างความแปลกใหม่เพิ่มสีสันให้กับวงการประกันภัย และได้รับการยกย่องเป็นบริษัทประกันภัยแนวนวัตกรรมใหม่

เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.2551 ธนาคาร DEG (KFW) ธนาคารเพื่อการพัฒนาธุรกิจ อันดับ 1 จากประเทศสาธารณรัฐเยอรมัน บรรลุข้อตกลงร่วมทุนกับเอเชียประกันภัย โดยมีวัตถุประสงค์พัฒนาธุรกิจประกันภัยของบริษัทให้มีประสิทธิภาพและศักยภาพในการขยายกิจการ และเสริมฐานะความมั่นคงทางการเงิน โดยมีทุนจดทะเบียน 300 ล้านบาท ก่อนจะจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในตลาด เมื่อวันที่ 6 ก.พ.2556

ในปี 2559 เปิดตัวเทคโนโลยีการทำเคลมแบบเบ็ดเสร็จด้วยตัวเองครั้งแรกในประเทศไทย ผ่านแอปพลิเคชั่นมือถือ A-Serve (Click2Claim) สะดวก รวดเร็ว เลือกรับเงินโอนเข้าบัญชีได้ทันที ต่อมาในปี 2561 เปิดตัวเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น การแจ้งพิกัดการเกิดอุบัติเหตุผ่านแอพพลิเคชั่นมือถือ A-Serve (Click2Call) ติดตามสถานะการเดินทางพนักงานเซอร์เวย์ได้แบบเรียลไทม์, การสำรวจภัยโดยอากาศยานไร้คนขับ (Drone)

ในปี 2562 บริษัทยกระดับความมั่นคงทางการเงิน โดยการเพิ่มทุนจดทะเบียนเพิ่มอีก 300 ล้านบาท และในปี 2563 เพิ่มทุนจดทะเบียน รวมทั้งสิ้นในปัจจุบันเป็น 650 ล้านบาท

สำหรับ "เอเชียประกันภัย" มีผลิตภัณฑ์ประกันภัย ดังนี้ ประกันภัยรถยนต์ ประกันภัยอัคคีภัย ประกันภัยเบ็ดเตล็ด และประกันภัยทางทะเลและขนส่ง นอกจากนี้ ยังมีประกันภัยโควิด-19 อีกด้วย โดยมีสำนักงานใหญ่ อยู่ที่อาคารรีเจ้นท์เฮ้าส์ ชั้น 12 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

พบขาดทุนสะสม 285.8 ล้านบาท

เมื่อวันที่ 25 ส.ค.ที่ผ่านมา มีการรายงานข้อมูลบริษัท ประจำไตรมาสที่ 2 ปี 2564 ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 พบว่ามีสินทรัพย์รวม 4,867,739,159 บาท มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 684,504,894 บาท และมีหนี้สินรวม 4,395,785,443 บาท ซึ่งแยกออกเป็นหนี้สินจากสัญญาประกันภัย 2,672,366,435 บาท และเจ้าหนี้บริษัทประกันภัยต่อ 1,478,254,173 บาท นอกจากนี้ มีรายได้รวม 491,065,496 บาท ค่าใช้จ่ายรวม 485,764,029 บาท และมีกำไรสำหรับงวด 28,608,571 บาท

ทั้งนี้ บริษัทระบุว่ามีผลขาดทุนสะสม ณ วันที่ 30 มิ.ย.2564 จำนวนเงิน 285.8 ล้านบาท โดยระบุว่าปัจจัยนี้มีความไม่แน่นอนที่เป็นสาระสำคัญเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัท ดังนั้น การดำเนินงานต่อเนื่องของบริษัทในอนาคตขึ้นอยู่อย่างมากกับความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจของบริษัทในอนาคตและการมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานอย่างเพียงพอ เพื่อให้บริษัทสามารถจ่ายชำระหนี้สินได้เมื่อถึงกำหนดชำระ

อ่านข่าวเพิ่มเติม

คปภ.เร่งติดตามกรณีบริษัทประกันภัยเลิกจ้างพนักงาน

"โคราช" #SAVEหมอเกรียงศักดิ์ หลังโดนย้ายคาดปมขวางซื้อ ATK

โผล่อีก "ลูกวัวแดง" ป่าอ่างฤาไน ติดลัมปี สกินตาย 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง