ข้อถกเถียง #ไฟเซอร์นักเรียน บนสื่อออนไลน์

สังคม
8 ต.ค. 64
06:09
833
Logo Thai PBS
ข้อถกเถียง #ไฟเซอร์นักเรียน บนสื่อออนไลน์
#ไฟเซอร์นักเรียน ขึ้นเทรนด์ในทวิตเตอร์ 2 วันต่อต่อกัน หลังการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้นักเรียน โดยผู้ใช้ทวิตเตอร์ให้ข้อมูล และถกเถียงกันหลายเรื่อง

นายยุทธนา บุญอ้อม หรือ "ป๋าเต็ด" โพสต์เฟซบุ๊ก มีข้อความว่า "มีกระแสวัยรุ่นส่วนหนึ่งแอนตี้ไฟเซอร์ เพราะผู้ปกครองห้ามฉีด เพราะข้อความที่ส่งต่อในไลน์ว่า ไฟเซอร์คือการล้างเผ่าพันธุ์" ซึ่งป๋าเต็ดลงท้ายข้อความว่า "อิหยัง"

 

ข้อความทางไลน์ ที่ป๋าเต็ดพูดถึงก็คือข้อความนี้ ที่บอกว่า ฉีดวัคซีน mRNA แล้วอันตราย วัคซีนคือการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ซึ่งข้อความนี้คือ "ข่าวปลอม" หรือ "เฟกนิวส์"

 

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาอื่น ๆ เช่น บางคนอ้างว่า นักเรียนม.6 ถูกตัดสิทธิ์ไม่ให้ฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ให้ฉีดสูตรไขว้แทน เนื่องจากนักเรียน ม.6 อายุคาบเกี่ยว ระหว่าง 17-18 ปี

 

รวมถึงยังมีผู้ใช้ทวิตเตอร์บางส่วนอ้างข้อความ โดยระบุว่า "ครูส่งให้ สอบถามว่า มีใครจะยกเลิกมั๊ย เพราะวัคซีนไม่พอ"

 

ขณะที่บางคนบอกว่า ที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.เพชรบุรี ที่มีนักเรียนมัธยมศึกษา 2,600 คน จะไม่ได้ฉีดไฟเซอร์ เพราะ ผอ.ไม่ส่งชื่อให้โรงพยาบาล แต่อันนี้ ล่าสุดมีผู้ทวิตข้อความว่า แก้ไขแล้ว มีรายชื่อ และน่าจะฉีดกันวันนี้ (8 ต.ค.)

 

บางคนได้รับข้อความให้แต่งกาย ตัดผมให้เรียบร้อย ห้ามทำสีผม ก่อนฉีดวัคซีน ซึ่งนักเรียนมองว่า ระเบียบการแต่งกาย ทรงผม ไม่เกี่ยวกับวัคซีน ไม่มีผลต่ออาการข้างเคียงใดๆ

ขณะที่บางข้อความบอกว่า "ฉีด ไม่ฉีด ก็เป็นสิทธิ์ของทุกคน"

 


เป็นเวลา 4 วันแล้ว ที่กระทรวงสาธารณสุข เริ่มฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับนักเรียน อายุระหว่าง 12-18 ปี ตั้งเป้า 5 ล้านคน มีผู้สมัครใจฉีดจำนวน 3.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 71 ยืนยันว่า ใครไม่ฉีด ก็ไม่เสียสิทธิ์แต่อย่างใด ขณะนี้มีวัคซีนในระบบอยู่ 2 ล้านโดส แต่ละจังหวัดจะได้วัคซีนไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับความพร้อมของจังหวัด

หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังไม่ได้ออกมาให้ความชัดเจนเกี่ยวเฟกนิวส์ แต่มีข้อมูลทางวิชาการที่ชัดเจนจากกรมควบคุมโรค ที่อธิบายก่อนจะเริ่มฉีด

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่า วัคซีนไฟเซอร์ที่นำมาฉีดให้เด็กได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO) และสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ส่วนการติดตามเรื่องผลข้างเคียงของวัคซีน mRNA ที่คนเป็นห่วงกันมาก คือ ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ พบว่า ใน 1 แสนคน จะพบภาวะนี้ 6 คน ส่วนใหญ่จะมีอาการเจ็บแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ หายเองได้

ด้าน นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยพบอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ที่คณะผู้เชี่ยวชาญวินิจฉัยแล้วว่า เกี่ยวข้องกับวัคซีน 1 คน เป็นเด็กชายอายุ 13 ปี มีภาวะโรคอ้วน แต่สามารถรักษาหายเป็นปกติแล้ว

ข่าวที่เกี่ยวข้อง