วันนี้ (18 ต.ค.2564) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เฟซบุ๊ก Siriraj Institute of Clinical Research ของศูนย์วิจัยคลินิก SICRES คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เผยผลวิจัยล่าสุดการศึกษาภูมิคุ้มกันหลังฉีดเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 หลังจากที่ได้ซิโนแวค 2 เข็ม หรือแอสตราเซเนกา 2 เข็ม
ผลวิจัยพบว่า สรุปได้ว่าซิโนแวคเป็น priming vaccine หรือวัคซีนเริ่มต้นที่ดี ซึ่งเมื่อฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยแอสตราเซเนกา หรือไฟเซอร์ ก็ให้ระดับภูมิคุ้มกันที่สูงมาก สำหรับวัคซีนไฟเซอร์ ใช้เพียงครึ่งโดสก็ได้ภูมิคุ้มกันในระดับที่ใกล้เคียงกับการใช้วัคซีนเต็มโดส แนะนำให้ฉีดกระตุ้นเข็ม 3 ด้วยแอสตราเซเนกา หรือไฟเซอร์เท่านั้น
คำแนะนำสำหรับผู้ที่ฉีดแอสตราเซเนกา มา 2 เข็ม ควรฉีดเข็มที่ 3 กระตุ้นด้วยวัคซีนไฟเซอร์เท่านั้น โดยอาจใช้เพียงครึ่งโดส ก็ให้ผลภูมิคุ้มกันใกล้เคียงกับการใช้วัคซีนเต็มโดส
ข้อมูลจากงานวิจัย ระบุว่า ผู้ที่ได้รับแอสตราเซเนกา 2 เข็ม กระตุ้นเข็มที่ 3 ด้วยไฟเซอร์ขนาดเต็มโดส ภูมิคุ้มกันขึ้นที่สุด 2,377 BAU/ml รองลงมาเป็นการกระตุ้นด้วยไฟเซอร์ครึ่งโดส ภูมิคุ้มกันขึ้นที่ 1,962 BAU/ml สูงกว่าการกระตุ้นด้วยวัคซีนชนิดอื่นอย่างมีนัยสำคัญ
และเมื่อกระตุ้นด้วยวัคซีนแอสตราเซเนกา เข็มที่ 3 ภูมิคุ้มกันกระตุ้นสูงขึ้นที่ 246 BAU/ml และวัคซีนซิโนฟาร์ม เข็มที่ 3 กระตุ้นได้น้อยที่สุด 129 BAU/ml
ทั้งนี้เมื่อทดสอบระดับภูมิคุ้มกันต่อการยับยั้งสายพันธุ์เดลตา ในผู้ที่รับซิโนแวคครบ 2 เข็ม กระตุ้นด้วยไฟเซอร์ครึ่งโดส ระดับไตเตอร์สูงที่สุด (499) รองลงมาเป็นวัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส สูงสุดที่ ( 411) กระตุ้นด้วยแอสตราเซเนกา สูงสุดที่ (271) กระตุ้นด้วยซิโนฟาร์มสูงสุดที่ (49)
ส่วนผู้ที่ฉีดแอสตราเซเนกา ครบ 2 เข็ม วัคซีนไฟเซอร์เต็มโดส ได้สูงสุดที่ ( 520) รองลงมาเป็นไฟเซอร์ครึ่งโดส ได้สูงสุดที่ ( 358) โดยวัคซีนไฟเซอร์กระตุ้นได้สูงกว่าแอสตราฯ และซิโนฟาร์ม
ทั้งนี้ อาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 มีเล็กน้อยถึงปานกลางในทุกวัคซีนที่ได้ทำการวิจัยในครั้งนี้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
เช็กพิกัด 8 ร้านขายยาองค์การเภสัชฯ ขาย ATK ชุดละ 40 บาท
เปิดทำวัคซีนพาสปอร์ตผ่าน "หมอพร้อม" 18 ต.ค.นี้