ฝุ่นมาแน่! คพ.เตือน 24-26 ต.ค.เสี่ยงสภาวะอากาศนิ่ง

สิ่งแวดล้อม
25 ต.ค. 64
11:26
1,608
Logo Thai PBS
ฝุ่นมาแน่!  คพ.เตือน 24-26 ต.ค.เสี่ยงสภาวะอากาศนิ่ง
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมควบคุมมลพิษ เตือนรับมือฝุ่น PM2.5 ระลอกแรกปลายต.ค.-ก.พ.65 มาพร้อมลมหนาวจากจีนเริ่มลงมา ส่วนกทม.-ปริมณฑล เช้าวันนี้ (25 ต.ค.) อากาศดีมากวัดได้ 5-27 มคก.ต่อลบ.ม. เล็งคุมรถเก่า 7 ปีต้องเช็กสภาพ ใช้น้ำมันกำมะถันต่ำช่วยลดควันดำ 25%

วันนี้ (25 ต.ค.2564) นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ศูนย์แก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) รายงานสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 อยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกพื้นที่ ภาพรวมอยู่ในเกณฑ์ดีมากทั่วทุกภาคของประเทศไทย โดยตรวจวัดได้อยู่ในช่วง 5-27 มคก.ต่อลบ.ม.แต่จากข้อมูลศูนย์แบบจำลองคุณภาพอากาศ และภูมิศาสตร์สารสนเทศ คาดการณ์ว่าตั้งแต่วันนี้ ถึงปลายต.ค.นี้ สถานการณ์โดยรวมอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจากเพดานการลอยตัวอากาศ และความเร็วมลมมีแนวโน้มสูงขึ้น และจะมีลมตะวันออกเฉียงเหนือช่วยทำให้การระบายในพื้นที่ดีขึ้น

ช่วงวันที่ 24-26 ต.ค.นี้  ในช่วงเวลากลางคืนไปถึงเช้ามืดมีโอกาสเกิดสภาวะอากาศนิ่งและเกิดการสะสมของฝุ่นละอองได้

รับมือฝุ่น PM2.5 เริ่มปลายต.ค-ก.พ.65 

นายอรรถพล กล่าว่า จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของไทยในช่วงปลายเดือนต.ค.-ก.พ.2565 คาดว่าในช่วงประมาณปลาย ต.ค.-ถึงต้นธ.ค.นี้ ความกดอากาศสูงจากประเทศจีน จะแผ่ลงมาปกคลุมภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือเป็นระยะๆ โดยจะมีกำลังอ่อนถึงปานกลาง

จากนั้นถึงเดือนม.ค.2565 ความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ยังคงแผ่เสริมลงมาโดยจะมีกำลังแรงเป็นระยะๆ ส่วนในเดือน กุ.พ.2565 ลักษณะอากาศอากาศจะแปรปรวน เนื่องจากบริเวณความกดอากาศสูงจากประเทศจีน ที่แผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนจะมีกำลังอ่อนลง

ช่วงที่ความกดอากาศสูงแผ่ลงมาปกคลุมมีกำลังอ่อนหรือเริ่มถอยกลับ จะส่งผลให้ลมอ่อน สภาพอากาศนิ่ง การกระจายตัวของฝุ่นละอองไม่ดีและมีโอกาสสะสมในพื้นที่โดยเฉพาะในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.65 ซึ่งอาจส่งผลให้ฝุ่นละอองเกินค่ามาตรฐานได้

กางแผนสกัดฝุ่นต้นทาง

อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ในปีนี้ ทางทส.เตรียมความพร้อมการรับมือสถานการณ์ฝุ่นละออง โดยยกร่างแผนเฉพาะกิจเพื่อการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศปี 2565 ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านวิชาการแก้ไขปัญหามลภาวะทางอากาศเมื่อวันที่ 6 ต.ค.ที่ผ่านมา เห็นชอบในหลักการภายใต้แนวคิด “1 สื่อสาร 5 ป้องกัน 3 เผชิญเหตุ” ซึ่งจะนำเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติต่อไป

สำหรับฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กทม.และปริมณฑล ที่มักพบมีแนวโน้มสูงขึ้นและเกินมาตรฐานเป็นครั้งคราวในช่วงปลายปี สาเหตุหลักมาจากยานพาหนะกว่า 50% โดยเฉพาะรถที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล ดังนั้นคพ.ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งเป้าตรวจเช็กสภาพรถยนต์อายุงานตั้งแต่ 7 ปีขึ้นไปมารับบริการตรวจเช็ก และมีส่วนลดค่าใช้จ่าย

จากการทดสอบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลในห้องปฏิบัติการทดสอบมลพิษจากยานพาหนะ พบว่าการบำรุงรักษาแบบ Preventive Maintenance จะช่วยลดการระบายควันดำลงได้เฉลี่ย 25%

 

นอกจากนี้ ศกพ.ยังได้ขอความร่วมมือจากบริษัทผู้ผลิต และจำหน่ายน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำ 2 แห่ง จำหน่ายผ่านสถานีบริการน้ำมันบางจากในพื้นที่กทม. ระหว่างเดือนธ.ค.-ก.พ.2565 โดยได้มีการดำเนินการมาแล้วในช่วงวิกฤตฝุ่น PM2.5 ตั้งแต่ปลายปี 2562

เนื่องจากทั้งนี้จากการทดสอบการใช้น้ำมันดีเซลที่มีคุณลักษณะเทียบเท่า EURO 5 หรือมีกำมะถันไม่เกิน 10 ppm จะสามารถลดการเกิดฝุ่น PM2.5 ได้ประมาณ 24% เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้น้ำมันดีเซลที่มีคุณลักษณะเทียบเท่า EURO 4 หรือมีกำมะถันไม่เกิน 50 ppm โดยรถยนต์เก่าจะสามารถเติมน้ำมันดีเซลกำมะถันต่ำได้โดยจะไม่มีผลกระทบต่อการทำงานของเครื่องยนต์

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ที่แท้เครื่องวัดชำรุด! คพ.พบต้นเหตุค่า PM 2.5 เชียงดาว สูงเกินจริง

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง