อดีต กกต.ระบุเลือกตั้งครั้งหน้า ตัดสินเอา-ไม่เอา "ประยุทธ์"

การเมือง
30 ต.ค. 64
14:01
332
Logo Thai PBS
อดีต กกต.ระบุเลือกตั้งครั้งหน้า ตัดสินเอา-ไม่เอา "ประยุทธ์"
อดีต กกต.ระบุการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะเป็นตัดสินใจของประชาชนในการเลือกว่าจะเอาหรือไม่เอา "พล.อ.ประยุทธ์" มาเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมประเมิน "พล.อ.ประยุทธ์" เหนือกว่า "อุ๊งอิ๊ง" เพราะมีประสบการณ์มากกว่า

วันนี้ (30 ต.ค.2564) จากกรณีพรรคเพื่อไทยเปิดตัว น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หรือ อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวของนายทักษิณ ชินวัตร ร่วมงานพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีเป้าหมายการชนะเลือกตั้งและพานายทักษิณกลับไทย

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีต กกต. และสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย เปิดเผยว่า การชูบุตรสาวนายทักษิณอาจจะประเมินแล้วว่าจะมีโอกาสได้คะแนนนิยมส่วนหนึ่งมีผลบวกมากกว่าผลลบ แต่ต้องยอมรับมีมุมเชิงลบสำหรับคนที่เห็นต่างกับนายทักษิณ

ทั้งนี้่ พรรคเพื่อไทยไม่ควรชูการนำ "ทักษิณ" กลับมา แต่ควรชูนโยบายพรรค เพื่อการเปลี่ยนแปลงพัฒนาบ้านเมือง แม้จะนำกลับมาก็ต้องกลับมาให้ถูกกฎหมายตามกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่การนิรโทษกรรม ไม่เช่นนั้นบ้านเมืองจะเปิดความไม่สงบอีก

และควรสนับสนุนตระกูลการเมืองต่างๆ หากส่งทายาททางการเมืองมาทำงานด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจเพื่อประชาชน พร้อมนำบทเรียนความผิดพลาดในอดีตมาทบทวนด้วย แม้แต่คนในชินวัตรเอง

วิเคราะห์ "ประยุทธ์" เหนือกว่า "อุ๊งอิ๊ง"

ส่วนการประเมินคู่แข่งชิงนายกัฐมนตรีระหว่าง "พล.อ.ประยุทธ์ กับ อุ๊งอิ๊ง" ชี้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ เหนือกว่า เพราะมีประสบการณ์มากกว่าบริหารงานในกองทัพมา แต่เชื่อว่าทีมงานเพื่อไทยจะสามารถสนับสนุนได้ อย่างเช่นการสนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมา

สำหรับประเด็นสำคัญในการตัดสินใจของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป คือจะเอาหรือไม่เอา "พล.อ.ประยุทธ์" ส่วนประเด็นต่อสู้ทางการเมืองรองลงมาคือนโยบายพรรค

นายสมชัย กล่าวว่า เงื่อนไขวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีตามกฎหมายของ พล.อ.ประยุทธ์ จะถูกนำมาหาเสียงครั้งหน้า และจะไม่มีการส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะอาจนำมาเป็นกลยุทธ์ในการโจมตีทางการเมืองได้ เพราะหากส่งศาลฯ ผลที่ออกมาอาจเป็นบวกกับ พล.อ.ประยุทธ์

ส่วนการที่ 250 ส.ว. มีส่วนร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีตามกฎหมาย ควรคิดถึงประโยชน์ประเทศในการพิจารณาตามความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ ไม่ใช่ไปตอบสนองบางคนที่แต่งตั้ง ส.ว. เพราะประวัติศาสตร์จะจารึกไว้

พรรคการเมืองขยับตัวหลังใกล้เลือกตั้ง

ขณะที่ทิศทางการเมืองไทยหลังจากนี้ที่มีการขยับของแต่ละพรรค เพราะใกล้ถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป และรัฐบาลจะอยู่ไม่ครบวาระ 4 ปี แต่จะยุบสภาในจังหวะพรรครัฐบาลได้ประโยชน์มากที่สุด และโมเดล 49 วัน ยุบสภาเลือกตั้งยังใช้ได้

ส่วนการไปประชุมใน จ.ขอนแก่น ของแต่ละพรรค เพราะว่าเป็นสมรภูมิสนามเลือกตั้งพื้นที่อีสานที่หากชนะเลือกตั้งในพื้นที่นี้ ที่มี ส.ส.มากที่สุด จะสะท้อนโอกาสการชนะในภาพรวม

ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐ แสดงให้เห็นจุดอ่อนในพรรคร่วมรัฐบาล ขณะที่พรรคอื่นมีความพร้อม เพราะยังเปิดปัญหาความขัดแย้งในพรรค และระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบ พรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทย จะได้เปรียบ

ขณะที่พรรคขนาดกลางต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การเลือกตั้งมุ่งเขตมากขึ้น เพื่อให้รองรับระบบบัตร 2 ใบ ทั้งเขตเลือกตั้งที่เปลี่ยนเป็น 400 เขต และวิธีการคำนวณบัญชีรายชื่อ โดยไม่แสดงความเห็นว่าพรรคไหนจะชนะแบบแลนด์สไลด์หรือไม่ หรือพรรคไหนจะได้ ส.ส.ได้มากน้อยแค่ไหน

อ่านข่าวเพิ่มเติม

"โจโจ้ ไมอ๊อคชิ" เปิดตัวลงสมัคร ส.ส.กทม. "เสรีรวมไทย"

ตร.เตือนชุมนุมใหญ่ 31 ต.ค.เข้าข่ายผิด กม. แม้ยกเลิกเคอร์ฟิว

คนไทยเข้าประเทศ ฉีดวัคซีนครบ-ไม่ต้องกักตัว

พระมหาไพรวัลย์ ประกาศเตรียมลาสิกขา หลัง "พระราชปัญญาสุธี" ไม่ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดสร้อยทอง

"โอ๊ต ปราโมทย์" และเพื่อนแจ้งความชายอ้างเป็น ตร. หลอกขายสินค้า สูญเงินแสน 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง