โลกยังเงียบ ท่องเที่ยวซบเซา ไร้เงานักท่องเที่ยวจีน

ต่างประเทศ
4 พ.ย. 64
19:38
1,142
Logo Thai PBS
โลกยังเงียบ ท่องเที่ยวซบเซา ไร้เงานักท่องเที่ยวจีน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
หลายประเทศทยอยเปิดรับนักท่องเที่ยว พร้อมความหวังพึ่งเม็ดเงินจากจีนเพื่อฟื้นเศรษฐกิจ แต่กลับต้องผิดหวังจากนโยบายควบคุมผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ของทางการจีน ข้อมูลจากบริษัทเอกชนคาดว่า การท่องเที่ยวของชาวจีนจะกลับมาเหมือนยุคก่อน COVID-19 อาจจะไกลถึงปี 2568

แม้หลายประเทศจะเริ่มผ่อนคลายมาตรการป้องกัน COVID-19 และเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่ยังไม่มีท่าทีว่าจีนจะเปิดให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวได้เร็ว ๆ นี้ จากนโยบายควบคุมผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ ซึ่งแนวทางที่เข้มงวดนี้ทำให้การเดินทางไปต่างประเทศและกลับเข้าจีนยากลำบากมาก จนส่งผลกระทบกับการท่องเที่ยวทั่วทั้งเอเชีย

การหายตัวไปจากตลาดการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีนจากการปิดประเทศ ส่งผลให้เม็ดเงินจากการใช้จ่ายในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลก หดหายไปถึงปีละ 255,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือมากกว่า 8,500,000 ล้านบาท ตัวเลขนี้มาจากการเดินทางออกนอกประเทศของชาวจีนในปี 2562

ก่อนที่โลกจะรู้จักกับ COVID-19 ตัวเลขชาวจีนที่เดินทางไปต่างแดนพุ่งขึ้นสูงสุดมากกว่า 154 ล้านคนในปีนั้น แต่ปีถัดมาลดฮวบลงมาเหลือราว ๆ 20 ล้านคนเท่านั้น

ขณะที่สถานการณ์ปีนี้หรือปีหน้าก็ยังไม่มีแนวโน้มจะดีขึ้น เพราะข้อมูลจาก ForwardKeys บริษัทรวบรวมข้อมูลด้านการท่องเที่ยว ยังชี้ว่า กว่าการท่องเที่ยวของชาวจีนจะกลับมาเหมือนยุคก่อน COVID-19 อาจจะไกลถึงปี 2568


ความหวังของประเทศต่าง ๆ ที่รอคอยเม็ดเงินจากนักท่องเที่ยวจีนยิ่งริบหรี่ลง เพราะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาหน่วยงานด้านการบินของจีน ประกาศว่า ฤดูหนาวนี้จะเปิดให้เที่ยวบินโดยสารระหว่างประเทศบินเข้า-ออกได้ 408 เที่ยวบินต่อสัปดาห์เท่านั้น หรือแค่ราว 2% จากยุคก่อน COVID-19 และจะบังคับใช้ไปจนถึงเดือน มี.ค.ปีหน้า 

จีนใช้กฎ Five-One เพื่อจำกัดให้เที่ยวบินจากแต่ละประเทศบินเข้าจีนได้แค่ 1 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ซึ่งต้องมาจาก 1 สายการบิน ใช้ 1 เส้นทางบินเท่านั้น และบินเพียง 1 เที่ยวต่อสัปดาห์ด้วย เช่นเดียวกับการบินออกจากจีน

Air China สายการบินแห่งชาติจีน ประเมินว่าทางการน่าจะจำกัดการบินระหว่างประเทศไปตลอดครึ่งแรกของปีหน้าเป็นอย่างน้อย เพราะประเทศกำลังพัฒนาหลายแห่งยังฉีดวัคซีนไม่ครอบคลุมมากพอ ซึ่งจะทำให้การฟื้นฟูของภาคการท่องเที่ยวในเอเชียแปซิฟิก ที่พึ่งพารายจ่ายของนักท่องเที่ยวจีนล่าช้าออกไป

ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวต้องปรับกลยุทธ์ เปลี่ยนเป้าหมายไปดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่น ๆ ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการในไทยเท่านั้น แต่ประเทศในแถบเอเชียอื่น ๆ ที่รับนักท่องเที่ยวจีนเป็นหลักล้วนต้องปรับตัว

มัลดีฟส์ปรับตัวหันเจาะนักท่องเที่ยวตลาดรัสเซีย

กรณีศึกษาที่น่าสนใจคือมัลดีฟส์ที่ปรับตัวได้ดีจนในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ นักท่องเที่ยวลดลงแค่ 12% จากช่วงเดียวกันเมื่อปี 2562 ก่อนมี COVID-19 เพราะหันไปเจาะตลาดนักท่องเที่ยวรัสเซียแทน

อีกปัจจัยที่ต้องคำนึงถึงคือพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของนักท่องเที่ยวจีน จากเดิมที่คุ้นตาภาพกรุ๊ปทัวร์จีนที่มากันเต็มรถบัสคันใหญ่ ๆ และนิยมเที่ยวในเมือง ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าต่อไปชาวจีนจะหันไปนิยมการเที่ยวชมธรรมชาติ ไปกันเป็นครอบครัวหรือเพื่อนกลุ่มเล็ก ๆ หรือไปคนเดียวเลย แทนการไปกับกรุ๊ปทัวร์ใหญ่ ๆ ที่เต็มไปด้วยคนแปลกหน้า

ทั้งหมดนี้เมื่อประกอบกับความระแวดระวังของชาวจีนในการไปเที่ยวต่างประเทศเพราะกลัวติดเชื้อ ทำให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทั้งไทยและเทศต้องวางแผนกันต่อว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร เมื่อการท่องเที่ยวจะไม่ฟื้นตัวเร็วอย่างที่หวังไว้ เพราะจะให้ไปกดดันรัฐบาลจีนเปิดประเทศคงไม่ได้ ภาคเอกชนคงต้องประเมินกลยุทธ์ทางธุรกิจ ส่วนรัฐก็ต้องหาทางเร่งฉีดวัคซีนให้ครอบคลุมโดยเร็ว ซึ่งอาจเป็นทางออกที่เป็นรูปธรรมได้มากที่สุดแล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง