วันนี้ (12 พ.ย.2564) ทีมข่าวไทยพีบีเอสลงพื้นที่โรงสีข้าวใน จ.ชัยนาท พบข้าวเปลือกหอมมะลิต้นฤดูจำนวน 150 ตัน ซึ่งรับซื้อจาก จ.บุรีรัมย์ ถูกนำมาตากแดดเพื่อลดความชื้นจากร้อยละ 27-28 ให้เหลือร้อยละ 22 โดยใช้เวลาตากประมาณ 4-5 ชั่วโมง ก่อนจะอบเพื่อลดความชื้นให้เหลือร้อยละ 14 แล้วนำไปสีเป็นข้าวสาร เพื่อขายให้กับผู้ส่งออกในราคากิโลกรัมละ 18 บาท 50 สตางค์
ภาคภูมิ ม่วงงาม กรรมการผู้จัดการ บ.โรงสีสวัสดิ์ไพบูลย์ จ.กำแพงเพชร บอกว่า ราคาข้าวทุกชนิดลดลงเมื่อเทียบกับฤดูกาลก่อน โดยราคารับซื้อข้าวเปลือกหอมมะลิจากเกษตรกรจะอยู่ที่ตันละ 8,500-8,800 บาทที่ความชื้นร้อยละ 27 แต่หากเป็นความชื้นร้อยละ 15 จะรับซื้อที่ตันละ 10,800 บาท
อย่างไรก็ตาม การระบายข้าวสารจากโรงสีหลาย ๆ แห่ง มีความล่าช้าเนื่องจากความต้องการของผู้ส่งออกชะลอตัว โรงสีบางแห่งที่ไม่สามารถบริหารจัดการสต็อกได้ก็มีปัญหาเรื่องสภาพคล่องบ้าง แต่ส่วนใหญ่ยังคงรับซื้อข้าวจากเกษตรกร
เช่นเดียวกับโรงสีบางแห่งใน จ.กำแพงเพชร ที่ระบุว่า ยังคงรับซื้อข้าว แม้จะมีข้าวเปลือกในสต็อกสูงถึง 30,000 ตัน จนเกือบเต็มโกดัง ส่วนข้าวสารมีประมาณ 10,000 ตัน เนื่องจากไม่สามารถระบายข้าวจากคำสั่งซื้อชะลอตัวและปัญหาด้านโลจิสติกส์
นายรังสรรค์ สบายเมือง นายกสมาคมโรงสีข้าวไทย ระบุว่า การส่งออกข้าวที่ชะลอตัว ส่งผลให้มีสต็อกข้าวค้างอยู่ตามโรงสีต่าง ๆ จำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปลือก หรือ ข้าวสาร ทำให้โรงสีบางแห่งมีปัญหาสภาพคล่อง และสถาบันการเงินปล่อยสินเชื่อน้อยลง
ขณะที่นายชูเกียรติ โอภาสวงส์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ยอมรับว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกชะลอการซื้อข้าวจากโรงสี เนื่องจากประสบปัญหาขาดแคลนตู้คอนเนอร์อย่างรุนแรงและค่าระวางเรือที่สูงขึ้น แม้จะมีคำสั่งซื้อแต่ไม่สามารถส่งออกได้ ทำให้ข้าวค้างสต็อกตามโรงสีต่าง ๆ พร้อมประเมินว่า ขณะนี้มีข้าวค้างสต็อกจากดฤดูกาลที่แล้วรวมถึงฤดูกาลนี้จะอยู่ที่ 4 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันราคาข้าวในประเทศ
สำหรับการส่งออกข้าวในปีนี้ 10 เดือนแรกของปี ไทยส่งออกข้าวได้ 4.6 ล้านตัน คาดว่าทั้งปีไทยจะส่งออกข้าวได้ใกล้เคียงปีที่แล้วที่ 5.7 ล้านตัน