สุดทน! ขายสวนมะม่วง 125 ไร่หนี "นกปากห่าง"

สิ่งแวดล้อม
15 พ.ย. 64
16:44
3,243
Logo Thai PBS
สุดทน! ขายสวนมะม่วง 125 ไร่หนี "นกปากห่าง"
สุดทน! เจ้าของสวนมะม่วงอ.แสวงหา จ.อ่างทอง ประกาศขายสวน 125 ไร่ หมดกำลังใจสู้นกปากห่างนับแสนตัวนาน 3 ปี ตัดพ้อมีแต่กฎหมายคุ้มครองนก แต่คนได้รับผลกระทบทำไมไม่คุ้มครอง ด้านนายกสมาคมอนุรักษ์นก แนะวิธีแก้เบื้องต้น ติดแผ่นซีดี ฉีดน้ำไล่ ติดไฟส่องสว่าง
นกปากห่างจำนวนมากเข้ามายึดสวนมะม่วงทำรัง จนต้นมะม่วงเสียหายเกือบหมด ตอนนี้ถอดใจต้องยอมขายที่ 125 ไร่ทิ้งหลังสู้กับปัญหามา 3 ปี 

น.ส.กรรณิกา สุประดิษฐ์ อายุ 43 ปี บอกถึงปัญหานกปากห่าง นับแสนตัวที่ยึดสวนมะม่วงพื้นที่กว่า 125 ไร่ ในหมู่ 1 ต.จำลอง อ.แสวงหา จ.อ่างทอง จนทำให้ทุกพื้นที่ของสวนมะม่วงแห่งนี้รวมถึงบ้านที่พักอาศัย เต็มไปด้วยนกปากห่างที่บุกรุกเข้ามาอาศัยอยู่จนเต็มไปทั้งหมด

เดือนต.ค.หลังจากน้ำท่วมสวน ทำให้นกปากห่างรุกคืบเข้ามาอยู่ทุกพื้นที่ของบ้าน บนดาดฟ้าบ้าน ภายในบ้าน ทำให้มีกลิ่นสาบ กลิ่นมูลนก จนคนในครอบครัวที่มีทั้งผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ และเด็กไม่กล้าออกจากห้อง 

 

เธอบอกว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปี 2561 ช่วงที่นำเข้ามายึดพื้นที่ใหม่ๆ เคยมีเจ้าหน้าที่สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 1 สระบุรี กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เข้ามาดูแล และแนะนำให้ตัดต้นมะม่วงทั้ง 125 ไร่ ทิ้งทั้งหมด แต่ก็เกิดปัญหาซ้ำขึ้นอีก

ไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะแจ้งเจ้าหน้าที่ไปการแก้ไขก็เป็นเช่นเดิม จึงตัดสินใจประกาศขายที่ดินสวนมะม่วงทั้ง 125 ไร่ ยอมทิ้งเงินจากการเก็บผลผลิตมะม่วงปีละ 500,000 บาท เพราะถอดใจสู้ไม่ไหวแล้ว

 

เนื่องจากนกปากห่าง เป็นนกคุ้มครองห้ามทำอันตราย แต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับชาวบ้าน และเจ้าของที่ดินไม่เห็นมีกฎหมายอะไรที่จะมาคุ้มครองหรือเยียวยาได้เลย ทุกวันนี้คนที่บ้านเครียดมาก

ทั้งนี้จากการสำรวจพื้นที่รอบบ้าน และสวนมะม่วงเกือบทั้งหมดมีนกปากห่างจำนวนมากยึดทำรังอยู่เต็มแทบทุกต้น จนดูขาวโพลนไปหมด หลายต้นมีรังนกขนาดใหญ่ ซึ่งนกเหล่านี้ใช้เป็นที่อยู่อาศัย และส่งเสียงดังไปทั่วบริเวณ

พฤติกรรมรวมฝูงนอน-มูลนกเป็นกรดต้นไม้ตาย

นายสัตวแพทย์เกษตร สุตะชะ นายกสมาคมอุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า นกปากห่างเคยเป็นนกอพยพ แต่ตอนนี้กลายเป็นนกประจำถิ่นของไทย และอาศัยในทุกภาคของไทยตั้งแต่ภาคเหนือ จนถึงภาคใต้ คาดว่ามีประชากรเพิ่มขึ้นหลายแสนตัว

ที่ผ่านมาหลายพื้นที่ประสบปัญหานกปากห่างเข้าไปยึดพื้นที่ เช่น ปทุมธานี ฉะเชิงเทรา อ่างทอง เพชรบุรี เนื่องจากเป็นนกขนาดใหญ่ และชอบรวมฝูงทำรังวางไข่ในพื้นที่เดิมใกล้แหล่งอาหารในนาข้าว เช่น หอยโข่ง หอยเชอรี่ หอยกาบ ที่ต้องมีแหล่งน้ำในพื้นที่

นกปากห่างหากินในนาข้าวและหากินหอยโข่ง เชอรี่ หอยกาบ ซึ่งชาวนาจะชอบเพราะช่วยกำจัดหอยในนาข้าวให้ฟรี แต่พอหากินทั้งวันแล้ว ต้องรวมตัว เกาะนอนตามต้นไม้ที่สูงๆ และใช้พื้นที่เดิมติดต่อเกิน 6 เดือนต้นไม้จะตายได้ 

นายกสมาคมอนุรักษ์นกฯ กล่าวว่า เนื่องจากมูลของนกปากห่างมีความเป็นกรด ทำให้เวลานกอาศัยที่อยู่ในพื้นที่เดิมนานๆ จะทำให้ดินเป็นกรด หากพื้นที่บริเวณนั้นถ้าไม่ใช่พื้นที่น้ำท่วมตามฤดูกาลจะมีปัญหา แต่หากเป็นพื้นที่น้ำท่วมตามฤดูกาล เช่น บึงบอระเพ็ด เมื่อถึงฤดูน้ำท่วมถึงจะละลายกรดในดินออกไปและพาสารอาหารใหม่ๆ ทำให้ต้นไม้ยังอยู่ได้

แนะติดซีดี-ฉายสปอร์ตไลท์ส่อง-เปิดเสียงรบกวน

กรณีเจ้าของสวนมะม่วง 125 ไร่ ถือว่าเป็นพื้นที่ค่อนข้างใหญ่ มีผลผลิต และล้อมรอบพื้นที่น่าจะเป็นท้องนาที่มีนาข้าว และถ้าเจ้าของสวนต้องการจะทำสวนต่อไป ต้องหาวิธีการสถานที่อื่น ไม่ใช่ตัดต้นไม้ และต้องหาวิธี  ซึ่งเข้าใจว่าการมีนกปากห่างจะดีสำหรับชาวนา แต่ไม่ดีสำหรับชาวสวน ดังนั้นต้องจัดการให้อยู่รวมกันได้

นกปากห่าง เป็นสัตว์คุ้มครอง ฆ่าไม่ได้ แต่ไล่มันได้รบกวนให้ไม่นกอาศัยต้นไม้ หลายพื้นที่ใช้วิธีการ เช่น แขวนแผ่นซีดี ฉายสปอตไลน์ส่องสว่างกลางคืน บางแห่งติดสปริงเกอร์แบบรดสนามฟุตบอลยิงน้ำได้ไกลถึง 50 เมตร พอนกถูกรบกวนการนอน ไม่มีความสุขก็จะย้ายที่ใหม่ แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง 

สำหรับนกปากห่าง เป็นสัตว์ป่าคุ้มครองตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 ห้ามล่า ห้ามค้า ห้ามนำเข้าหรือส่งออก ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ พบนกปากห่างมีแหล่งหากินกระจายทั่วไปในพื้นที่ต่างๆ ของไทย ส่วนใหญ่จะพบได้ในภาคกลาง และอาจพบได้ทางภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคใต้ เช่น เชียงใหม่ ราชบุรี เพชรบุรี สงขลา

ข่าวที่เกี่ยวข้อง