ครม.รับทราบ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยพรรคการเมืองและว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ตามที่สำนักงาน กกต.เสนอแล้ว และคาดว่า จะส่งให้รัฐสภาได้ในช่วงต้นเดือน ม.ค.ปีหน้า 2565 เพื่อพิจารณาคู่ขนานกับร่างฯ ของ ส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล-พรรคฝ่ายค้าน หรือพรรคการเมืองอื่น
ร่างกฎหมายว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ต้องแก้ไข-ปรับปรุงให้สอดรับกับทางปฏิบัติ ตามรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขเพิ่มเติม..กำหนดไว้ โดยการเลือกตั้งผ่านบัตร 2 ใบ ใบที่ 1.เลือก ส.ส.เขตจำนวน 400 เขตทั่วประเทศ ใบที่ 2 เลือกพรรค เพื่อคิดคำนวณและจัดสรรเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน
นอกจากนี้ จาก 37 มาตรา คาดว่า "วิธีคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ" น่าจะเป็นประเด็นที่ถกแถลงกันมากที่สุด เบื้องต้น ครม.เคาะให้กลับไปใช้วิธีคำนวณ ตามรัฐธรรมนูญ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ปี 2554 ซึ่งเรียกว่า "สัดส่วนผสม" คือนำผลคะแนนเลือกพรรคของทุกพรรคมารวมกัน แล้วหารด้วย 100 โดยผลลัพธ์ที่ได้ คือ คะแนนเฉลี่ย ของ ส.ส.จำนวน 1 คน และนำไปหารกับคะแนนแต่ละพรรค ก่อนจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อให้ครบตามจำนวน
นิยามรูปแบบนี้ คือสัดส่วนที่สัมพันธ์กับคะแนนรวมของพรรค หรือ "ทางตรง" และที่ต้องตกผลึกร่วมกันอีก คือ "1 พรรคใช้ 1 เบอร์ ทั้งประเทศ" ทั้ง ส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อ หลังการเลือกตั้งที่ผ่านมามีเสียงสะท้อนจากพรรคการเมืองว่า เขตเดียว-เบอร์เดียว สร้างความสับสนและมีความเห็นต่างเกิดขึ้น
ร่างกฎหมาย ยังกำหนดให้พรรคส่งผู้สมัครเขต ถึงจะส่งบัญชี ส.ส.รายชื่อได้/ส่วนหลักเกณฑ์เรื่องคุณสมบัติและลักษณะต้องห้าม รวมถึงการคัดเลือกผู้สมัครขั้นต้น หรือไพรมารีโหวต ยังคงเดิม ไม่มีการแก้ไข ส่วนจำนวน ส.ส.ในแต่ละจังหวัด ให้ขึ้นอยู่กับจำนวนประชาชนที่สอดรับกับ 400 เขตเลือกตั้ง และกำหนดให้ออกเสียงนอกราชอาณาจักร พร้อมนับคะแนนภายใต้ความเห็นชอบของ "กรรมการกระทรวงต่างประเทศ"
กำหนดให้ กกต.แบ่งเขตเลือกตั้งให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน กำหนดเวลาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง 08.00 - 17.00 น. สำหรับคุณสมบัติ-ลักษณะต้องห้าม เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ โดยผู้สมัครสังกัดพรรคการเมือง 90 วัน เว้นแต่กรณี "ยุบสภา" ให้สังกัดภายใน 30 วัน นับถึงวันเลือกตั้งทั่วไป