เปิดราคา "สถานดูแลผู้สูงอายุ" แบบไหน ต้องใช้เงินเท่าไหร่?

สังคม
22 ม.ค. 65
07:54
25,379
Logo Thai PBS
เปิดราคา "สถานดูแลผู้สูงอายุ" แบบไหน ต้องใช้เงินเท่าไหร่?
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เปิดราคา "สถานดูแลผู้สูงอายุ" แบบไหน ต้องใช้เงินเท่าไหร่? พบในกทม.-ปริมณฑลราคาตั้งแต่หลักพันถึงหลักหมื่นบาทต่อเดือน ผู้ประกอบการ แนะก่อนใช้บริการและตัดสินใจพาพ่อแม่ไปอยู่ต้องศึกษา ตรวจสอบอย่างละเอียดว่าได้มาตรฐานหรือไม่

กรณีข่าวการบุกตรวจค้น "สถานดูแลผู้สูงอายุ" ย่านลาดกระบัง และจ.ฉะเชิงเทรา ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาที่เปิดให้บริการโดยไม่ได้มาตรฐาน จนทำให้พบภาพสะเทือนใจว่ามีการล่ามโซ่ผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ แม้จากการตรวจสอบการเก็บค่าบริการถึงเดือนละ 10,000-12,000 บาท แต่กลับได้อยู่ในสถานที่ที่ทรุดโทรม ขยะเกลื่อน  

"ไทยพีบีเอสออนไลน์" ลองค้นข้อมูล "สถานดูแลผู้สูงอายุ" หรือบ้านพักคนชรา ในพื้นที่ กทม.-ปริมณฑล ว่าหากตัดสินใจจะนำพ่อแม่ผู้สูงวัยเข้าไปใช้บริการต้องจ่ายเท่าไร เพื่อแลกกับการดูแลที่ได้มาตรฐาน พบว่าอยู่ในราคาใกล้เคียงกัน ตั้งแต่เดือนละหลักพัน จนถึงหลักหมื่นบาท รับดูแลผู้สูงอายุทั่วไป และผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ต้องมีทีมสหวิชาชีพดูแลใกล้ชิด 

 

ศูนย์พัฒนาการจัดสวัสดิการสังคมผู้สูงอายุบ้านบางแค ที่ให้ความดูแลทั้งผู้สูงอายุชาย หญิง อายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ที่มีความสมัครใจ ประสบปัญหาความเดือดร้อน เช่น ขาดผู้อุปการะเลี้ยงดู ไม่สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงตนเองได้ ไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีที่อยู่อาศัย แต่มีข้อจำกัดว่าต้องไม่เป็นโรคติดต่อร้ายแรง ไม่มีความพิการทุพพลภาพ หรือจิตฟั่นเฟือน ที่สำคัญต้องไม่เป็นผู้ที่อยู่ระหว่างดำเนินคดี

สำหรับค่าใช้จ่ายสำหรับห้องพักเดี่ยว 1,500 บาทต่อเดือน และสำหรับห้องพักคู่ 2,000 บาทต่อเดือน 

เริ่มจาก บ้านสมถวิล บริการดูแลผู้สูงอายุ อัลไซเมอร์ อัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้สูงอายุติดเตียงที่ต้องการดูแลอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมไปถึงผู้สูงอายุที่ต้องการที่พักหลังวัยเกษียณ ราคาเริ่มต้นที่ 22,000 บาท/เดือน ภายในยังมีกิจกรรมบำบัด อื่น ๆอีกมากมาย

ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง แสนสิริ โฮม แคร์ เน้นในการดูแลผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยหรือไม่ได้เลย ผู้สูงอายุสมองเสื่อม มีภาวะกล้ามเนื้ออ่อนแรง เป็นโรคเรื้อรัง ผู้ป่วยหลังผ่าตัด หรือผู้ป่วยติดเตียง มีการดูแลและพยาบาลตลอด 24 ชั่วโมงโดยพยาบาลวิชาชีพ พร้อมทั้งดูแลเรื่องอาหารหลัก 3 มื้อ อาหารว่าง 1-2 มื้อโดยนักโภชนาการ มีบริการพาออกกำลังกายและทำกาย ภาพบำบัดโดยนักกายภาพบำบัด เพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้สูงอายุให้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด  

ราคาเริ่มต้นที่ 18,000 บาทต่อเดือน สำหรับ ผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้หรือช่วยเหลือได้น้อย ผู้สูงอายุที่ต้องดูดเสมหะและให้อาหารทางสายยาง 20,000 บาทต่อเดือน 

คุณตา คุณยาย เนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้ป่วยพักฟื้นมีสาขาในกทม. และนนทบุรี ดูแลทั้งผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ และผู้ป่วยเรื้อรัง ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการพยาบาลดูแลเหมือนคนในครอบครัวตลอด 24 ชม. มีทั้งห้องพักรวม และเดี่ยว รวมทั้งมีกิจกรรมสันทนาการ เพื่อส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีให้กับผู้สูงอายุด้วย โดยราคาเริ่มต้น 16,000 บาทต่อเดือน

นวศรี เนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ฟื้นฟูและดูแลผู้สูงอายุ ผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อม อัมพฤกษ์ อัมพาต ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในการดูแลชีวิตประจำวัน ผู้ที่ต้องการพักฟื้น และผู้ที่ต้องการการดูแลแบบประคับประคองในระยะสุดท้าย 

สำหรับค่าใช้จ่ายราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 22,000 บาทต่อเดือน จนถึงราคา 40,000 บาท  ราคาดังกล่าวเป็นค่าที่พักและบริการ (มีพนักงานดูแลกิจวัตรประจำวัน, ทำความสะอาด, อาหาร 3 มื้อ)

 

เช็กเงินในกระเป๋าแลกมาตรฐานบ้านพักคนชรา 

น.ส.อรนันท์ อุดมภาพ ผู้บริหาร "นวศรี เนอร์สซิ่งโฮม" ให้สัมภาษณ์ไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจดูแลผู้สูงอายุ เป็นธุรกิจเพื่อสุขภาพที่กลุ่มนักลงทุนสนใจ ประกอบกับสังคมเมือง ทำให้ความเป็นอยู่ของผู้สูงอายุมีข้อจำกัด ลูกหลานต้องออกไปทำงาน การจะทิ้งให้ผู้สูงอายุอยู่ลำพังก็ไม่ได้ ทำให้ต้องไปพึ่งสถานดูแลผู้สูงอายุมากขึ้น

ผู้ประกอบการยอมรับว่า ราคาค่าบริการของศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ ในแต่ละแห่งจะแบ่งไปตามมาตรฐานการให้บริการ เช่น การดูแลผู้สูงอายุทั่วไป ราคาเริ่มต้นที่ 10,000-20,000 บาท ต่อเดือน หากลูกหลานมีรายได้สูงและต้องการให้ผู้สูงอายุไปอยู่สถานที่ดูแลแบบเต็มรูปแบบ ราคาก็จะเพิ่มขึ้น

การเข้าถึงระบบบริการ หรือค่าใช้จ่าย ยังเป็นข้อจำกัดสำหรับบางคน เพราะครอบครัวต้องจ่ายเอง 100% ในการส่งผู้สูงอายุเข้าศูนย์ดูแล หลายคนต้องอยู่หลายวัน หลายเดือน หลายสัปดาห์ แล้วแต่ปัจจัยของแต่ละคน รวมไปถึงความพร้อมของครอบครัวนั้น ๆ ด้วย

น.ส.อรนันท์ ซึ่งมีประประสบการณ์ในการการเปิดสถานดูแลผู้สูงอายุมากว่า 10 ปี บอกว่า สถานดูแลผู้สูงอายุแต่ละแห่ง จะมีการให้บริการที่แตกต่างกัน ในส่วนของเนิร์สซิ่งโฮมของตัวเอง จะเน้นกลุ่มผู้สูงอายุที่เป็นผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง มีทั้ง ผู้ป่วยติดเตียง ให้อาหารทางสายยาง เป็นต้น

ปัจจุบันดูแลผู้สูงวัย 41 คน ในจำนวนนี้เป็นผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 17 คน อีก 24 คน สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ โดยมีช่วงอายุ 50-90 ปี

กลุ่มลูกค้าผู้สูงอายุที่เข้ามาใช้บริการมีอายุตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป ส่วนใหญ่ญาตินำมาเพื่อมาฝากดูแลหลังเพิ่งผ่าตัดมา บางคนก็ต้องใช้ถังออกซิเจน การดูแลจึงต้องใช้บุคคลากรที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญในด้านนี้ ลูกหลานจึงไว้ใจให้ดูแล

ส่วนระยะเวลาในการเข้ามาใช้บริการ มีตั้งแต่ 1 -2 เดือนไปขึ้นอยู่หลายปัจจัยนั้นก็ขึ้นอยู่กับร่างกาย และจิตใจผู้สูงอายุแต่ละคน บางคนกว่าจะได้หลับบ้านก็เมื่อคนในครอบครัวมีความพร้อม

ผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการดูแลผู้สูงอายุ ประกอบไปด้วยทีมสหวิชาชีพ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พยาบาล นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ นออจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ ผู้ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งทุกคนต้องผ่านการฝึกอบรม ระยะเวลา 6 เดือน ถึง 1 ปี ซึ่งเป็นหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ

ประเมินสุขภาพกาย-ใจผู้สูงอายุก่อนพาเข้าอยู่

น.ส.อรนันท์ ยังให้คำแนะนำว่า เพราะความจำเป็นบางอย่างทำให้หลายคนต้องเลือกพาผู้สูงอายุในบ้านไปฝากไว้ใน "สถานดูแลผู้สูงอายุ" ดังนั้นก่อนตัดสินใจ อาจต้องคำนึงในหลายปัจจัยด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสถานที่ สภาพแวดล้อม รวมถึงบุคคลากรที่มีคุณภาพ การดูแลที่ได้มาตรฐาน

ลูกหลานควรเข้าไปดูในสถานที่จริง พูดคุยกับผู้บริการ ตรวจสอบให้ดีก่อนจะนำผู้สูงอายุไปฝากไว้ ก่อนเลือกสถานที่ที่จะพาไปก็ควรที่จะประเมินภาวะสุขภาพ ปัญหาสุขภาพของผู้สูงอายุว่าเหมาะกับแบบไหน เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้สูงอายุแต่ละคน และลูกหลานอุ่นใจ

น.ส.อรนันท์ กล่าวว่า ขณะนี้มีสถานบริการบางแห่งที่เปิดให้บริการแล้ว แต่ยังอยู่ในกระบวนการการรับรองมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ทำให้ทำการปรับเปลี่ยนสถานที่ กำลังคนที่มาให้บริการตามคุณสมบัติตามเกณฑ์ที่กระทรวงกำหนดนั้น ทำได้ไม่ทัน

ขณะที่ผู้มาเข้ารับบริการ จึงจำเป็นต้องตรวจสอบเลือกสถานที่ก่อนเข้าไปที่ได้มาตรฐาน อย่างน้อยเข้าไปพูดคุยกับผู้ที่จะให้บริการก่อนตัดสินใจ บางคนไม่มีทางเลือก ไม่มีความพร้อมในเรื่องเงินมากนัก ทำให้ต้องตัดสินใจ เข้าไปใช้บริการสถานดูแลที่ไม่ได้คุณภาพ และมาตรฐาน บางแห่งไม่ได้รับการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข

 

เตือนเปิดโดยไม่ได้รับอนุญาต มีความผิด 

นอกจากนี้ ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า กิจการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง เช่น เนอร์สซิ่งโฮม ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ หรือโรงพยาบาลผู้สูงอายุ ปัจจุบันมีอยู่ 3,000 แห่งทั่วประเทศ และเพื่อเป็นการควบคุมมาตรของสถานประกอบการ กระทรวงฯ จึงได้ออกกฎกระทรวงกิจการการดูแลผู้สูงอายุหรือผู้มีภาวะพึ่งพิง ที่ออกตามพระราชบัญญัติสถานประกอบการเพื่อสุขภาพ พ.ศ.2559 มาตรา 3 (3) โดยกำหนดให้ผู้ประกอบกิจการรายใหม่ทุกราย ต้องขออนุญาตก่อนเปิดกิจการ

ทั้งนี้ หากประกอบกิจการสถานประกอบการเพื่อสุขภาพโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 50,000 บาท อีกทั้งการล่ามโซ่ผู้สูงอายุ เป็นการหน่วงเหนี่ยว หรือกักขังผู้อื่น หรือกระทำด้วยประการใดให้ผู้อื่นปราศจากเสรีภาพในร่างกาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนผู้ดำเนินการต้องผ่านการอบรม ผ่านการสอบ และมีใบอนุญาตจากกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) ขณะที่ผู้ให้บริการที่ทำหน้าที่ดูแลผู้สูงอายุต้องผ่านการอบรมจบจากหลักสูตรที่กรม สบส. รับรอง และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ให้บริการก่อนที่จะปฏิบัติงาน โดยมีผลบังคับใช้แล้วเมื่อวันที่ 27 ม.ค.64

  

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

พร้อม "สูงวัย" หรือยัง?

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง