รำลึก 1 ปี "วิชา​ รัตนภักดี" ชาวไทยถูกทำร้ายเสียชีวิต​ ในสหรัฐฯ

ต่างประเทศ
31 ม.ค. 65
13:36
777
Logo Thai PBS
รำลึก 1 ปี "วิชา​ รัตนภักดี" ชาวไทยถูกทำร้ายเสียชีวิต​ ในสหรัฐฯ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ครบ 1 ปี​ "วิชา​ รัตนภักดี" ชาวไทยถูกวัยรุ่นทำร้ายเสียชีวิต​ จุดประกายขบวนต้านการเหยียดเอเชีย-อเมริกัน​ บอร์ดซานฟรานฯจ่อเปลี่ยนชื่อถนนไว้อาลัย​

เมื่อวันที่​ 30​ ม.ค. 2565 ตามเวลาท้องถิ่นกรุงซา​นฟรานซิสโก​ รัฐแคลิฟอร์เนีย​ สหรัฐอเมริกา​ชาวเอเชีย-อเมริกันร่วมขบวน Asian Justice Rally เพื่อรำลึก 1 ปี การเสียชีวิตของนายวิชา​ รัตนภักดี ชายสูงอายุชาวไทยที่เสียชีวิต​จากความรุนแรงในสหรัฐ​ฯ​ หลายฝ่ายเชื่อว่า มีสาเหตุมาจากการเหยียดเชื้อชาติ​ โดยการรวมตัวครั้งนี้ไม่เพียงแต่รำลึกกรณีนายวิชาเท่านั้น​ แต่ยังมีการจัดเวทีแลกเปลี่ยนข้อมูลกิจกรรมการณรงค์​ภายในอีกด้วย

ทั้ง 2 กิจกรรมมีเป้าหมายเดียวกัน คือ รวมกลุ่มชาวเอเชียเพื่อขับเคลื่อนความยุติธรรม​ให้กับผู้เสียหายจาก​อาชญากรรม​ชาวเอเชีย-อเมริกัน​ อีกหลายชีวิตที่เสียชีวิตจากการเหตุการณ์​ความรุนแรง​ ซึ่งหลายกรณีเกิดเพราะเหยียดเชื้อชาติ​และสัญชาติ​ อีกทั้งเป็นการรณรงค์​เพื่อลดความรุนแรงจากความเกลียดชังที่เกิดกับชาวเอเชียในสหรัฐ​ฯ​ ในยุคโรคระบาดโควิด-19​ ด้วย

 

มณฑนัศ รัตนภักดี บุตรสาวนายวิชา ให้สัมภาษ​ณ์ถึงความคืบหน้าของกรณีคดีความการทำร้ายบิดาของตนว่า​ ขณะนี้คดีความยังอยู่ในช่วงการสืบสวนของศาลชั้นต้น​ ยังไม่มีการส่งฟ้อง​ โดยศาลนัดไต่สวนอีกทีวันที่​ 23​ ก.พ.​นี้

มณฑนัศ ยังกล่าวว่า เข้าใจว่าเหตุผลหนึ่งเป็นเพราะโรคระบาด​ ซึ่งตนและครอบครัวผิดหวังกับความล่าช้า​ของคดี แต่ยังไม่สิ้นหวังจากการต่อสู้เพื่อความยุติธรรม​ให้บิดาของตน​รวมทั้งเหยื่ออาชญากรรมชาวเอเชีย​รายอื่น​ ๆ​

ทนายทั้งสองฝ่ายยังคงรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสู้คดีอยู่ เราเองยังไม่รู้เหมือนกันว่าอัยการจะมีอะไรมาเสนอต่อผู้พิพากษา​ แต่เราก็ยังเชื่อว่าคดีความของคุณพ่อจะเป็นตัวอย่างความยุติธรรม​ให้แก่ผู้เสียหายจากอาชญากรรม​ที่เกิดจากการเหยียดเชื้อชาติ​ เราก็ผิดหวังนะเพราะคดีอื่น ๆ ในรัฐนี้จบเร็ว​ ปิดเร็ว​ คือไม่เทียบกับรัฐอื่นนะ​ เอาแค่รัฐนี้​ เราคิดว่าควรจะเร็วกว่านี้ อยากให้ลงโทษผู้ก่อเหตุอย่างจริงจัง ไม่อยากให้การเสียชีวิตของพ่อเปล่าประโยชน์​

อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางบอร์ดบริหารกรุงซานซิสโก หรือ​ Board of Supervisors อยู่ในระหว่างการลงความเห็นอนุมัติ​เบื้องต้น และมีความเป็นไปได้ว่า​ อาจจะมีการเปลี่ยนชื่อถนน Sonora Lane​ ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุทำร้ายนายวิชา เป็น Vicha Ratanapakdee Lane ขณะนี้รอให้ออกเป็นกฏหมาย เพื่อเป็นการเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการ

 

แกรี่​ คุณาบุตร​ ตำรวจอเมริกันเชื้อสายไทย​ ซึ่งเพิ่งได้รับตำแหน่งตำรวจดีเด่น ให้สัมภาษ​ณ์ว่า​ จริง ๆ ​เรื่องอาชญากรรม​ในกรุงซา​นฟรานซิสโก​นั้นมีเป็นรายวัน​ และมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย​ ๆ​ ตนในนามคนไทย​ คนเอเชียเข้าใจดีว่า มีข่าวน่าเศร้าเกิดขึ้นกับพี่น้องชาวเอเชียย่อมสร้างความลำบากใจ​ ความกลัวแก่คนเชื้อสายเอเชียไม่น้อย​ สิ่งที่ตนกังวลมากที่สุดคือ​ คนเอเชียสูงวัยหลายคนไม่รู้ภาษา​ พอเกิด​เหตุร้ายแรงก็ไม่กล้าคุยกับตำรวจ​ กลัวคุยไม่รู้เรื่อง​

"อยากฝากให้ทุกๆคนโดยเฉพาะ​คนไทยว่า​ ไม่ว่าทักษะภาษาดีภาษาแย่ให้เปิดใจคุยกับตำรวจก่อน​ ถ้าต้องใช้ล่ามจริง ๆ ก็จะพยายามช่วย​ แต่อย่าเงียบ​ เพราะถ้าเงียบ​ คดีความไม่คืบหน้าแน่ ๆ​" แกรี่กล่าว

แซม​ ชาวกัมพูชาในซานฟรานซิสโก​ กล่าวว่า​ ตนเป็นคนนึงที่มองว่า​ คนเอเชีย​รุ่นใหม่มีหัวคิดก้าวหน้าและกล้าเคลื่อนไหวผ่านสังคมออนไลน์​ การเดินขบวนตามท้องถนน​ ตลอดจนทำกิจกรรมที่หลากหลาย อย่างไรก็ตามตนอยากให้เพิ่มกรณีผู้เสียหายจากอาชญากรรม​ที่เกิดจากความเกลียดชังชาวเอเชีย​ เป็นกรณีศึกษาในโรงเรียนและมหาวิทยาลัย​เข้าไปด้วย

"เราได้ยินเรื่องทาสผิวสี​ เราได้ยินเรื่องคนอินเดียแดงถูกทำร้าย​ แต่เราไม่ได้ยินเรื่องคนเอเชีย​ถูกทำร้ายบ่อยนัก​ เรามักได้ยินแต่คนเอเชียเรียนเก่ง​ คว้าแชมป์​ อะไรพวกนี้​ ผมว่ามันเป็นข่าวดีแต่มันควรจะมีการพูดถึงปัญหา​เด็กเอเชียบ้าง​ ผมจึงมาเดินขบวนมาหาช่องทางร่วมเป็นอาสาสมัคร​เพราะผมอยากให้สังคม​ Bay area น่าอยู่​และปลอดภัย​ " แซมกล่าว

แซมพูดถึงกรณีนายวิชาด้วยว่า​ อีกประเด็นที่ตนอยากร่วมสนับสนุนคือ​ เหตุการณ์​อาชญากรรม​ที่เกิดกับคนวัยชราสูงขึ้น​ ไม่ว่าจะเกิดกับคนชาติ​ใด​ ตนมองว่าไม่ควรมี​ กรณีลุงวิชาควรเป็นกรณีสุดท้าย​ เพราะคนชราเปราะบาง​ ความปลอดภัยบนท้องถนนในชุมชนควรมีมากกว่านี้​ ซึ่งซานฟรานซิสโก​ ล้มเหลว​ และผู้บริหาร​ควรมีความเข้มงวดมากกว่านี้​

ข่าวที่เกี่ยวข้อง