"ปณิธาน" มอง "พูดคุยสันติสุข" ยังมีช่องว่าง หลังเหตุรุนแรงยังเกิดขึ้น

การเมือง
4 ก.พ. 65
06:52
490
Logo Thai PBS
"ปณิธาน" มอง "พูดคุยสันติสุข" ยังมีช่องว่าง หลังเหตุรุนแรงยังเกิดขึ้น
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ปณิธาน" มอง "พูดคุยสันติสุข" ผ่านเหตุการณ์วิสามัญฯ 3 คน และปิดล้อมพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ยังไม่เชื่อมต่อเหตุการณ์จริง แนะเจ้าหน้าที่เร่งอุดช่องโหว่ทำความเข้าใจนานาชาติลดความรุนแรงในพื้นที่

นายปณิธาน วัฒนายากร ประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคง กล่าวถึงเหตุการณ์เจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม 3 ผู้ก่อเหตุ และ ปิดล้อมพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา โดยมองว่า เจ้าหน้าที่ของไทยโดยเฉพาะฝ่ายตำรวจและทหาร จะต้องระมัดระวังและทำงานหนักขึ้นแม้ว่าจะประสบความสำเร็จระดับหนึ่งแต่ก็ยังไม่เพียงพอ รวมไปถึงการแจ้งเตือนที่จะต้องการทำงานอย่างรัดกุมไม่ให้เกิดความสูญเสีย และการปิดล้อมตรวจค้นที่อาจต้องเข้าใจสภาพแวดล้อมใหม่ที่เกิดขึ้น จนถึงความสนใจของนานาชาติต่อเรื่องดังกล่าว

 

พูดคุยสันติสุขยังไม่เชื่อมต่อเหตุการณ์จริง

นายปณิธานยังระบุว่า การพูดคุยสันติสุขกับเหตุการณ์จริงยังไม่เชื่อมต่อกัน ซึ่งเป็นปัญหาของหลายฝ่าย หลายคณะซึ่งแม้ว่าจะเริ่มคลี่คลายและพัฒนาไปในทางที่ดี โดยการพูดคุยครั้งล่าสุดก็เห็นความก้าวหน้าในระดับหนึ่ง แต่การเชื่อมโยงไปสู่พื้นที่ที่มีความปลอดภัยมากขึ้น หรือเหตุการณ์ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดจะต้องหาความเชื่อมโยงกับผู้ที่ปฏิบัติงานจริงในพื้นที่

 

นอกจากนี้ การทำงานร่วมกับประเทศเพื่อนบ้านมีหลายอย่างที่ยังต้องปรับปรุง มีหลายเรื่องที่อยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน มีหลายเรื่องที่มีการพบกันในทุกระดับใหม่เพื่อที่จะหาความร่วมมือในรูปแบบใหม่ ๆ เพิ่มขึ้น เพื่อที่จะลดสภาพตรงนี้ลง เพื่อเปิดประตูไปสู่การพูดคุยที่พร้อมจะขยับขึ้นไปอีกระดับ

แนะเร่งอุดช่องว่าง

นายปณิธาน ยังระบุว่า มีช่องว่างหลายส่วน คือ ผู้ที่พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของรัฐและกลุ่มที่พยายามประสานงานในพื้นที่บางคนอาจมีหมายจับ บางคนอาจมีปฏิบัติการที่รุนแรง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่มาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ของไทย ขณะที่ของไทยจะต้องปรับเปลี่ยนการปฏิบัติงานให้เหมาะสมขึ้นกับบริบทใหม่ที่เปลี่ยนไแปลงไป ซึ่งเป็นที่สนใจของหลายฝ่ายมากขึ้นที่มีคนกลับมาภูมิลำเนามากขึ้น และการปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายมากขึ้นสอดคล้องกับการจัดระเบียบชายแดน การพยายามให้ทุกฝ่ายลดความรุนแรง ลดปฏิบัติการที่อยู่นอกกฎหมายเพื่อนำกลับมาสู่กระบวนการปกติแต่เมื่อทำไปแล้วจะต้องประเมินและดูผลกระทบด้วย รวมถึงการสื่อสารกับประชาชนในพื้นที่และการสื่อสารกับนานาชาติอาจจะต้องปรับปรุงให้เพิ่มความเข้าใจมากขึ้น

เหตุการณ์ครั้งนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เช้า มีการสื่อสารไปทั่วโลก การชี้แจงทำความเข้าใจอาจจะต้องทำอย่างต่อเนื่อง

นายปณิธานยังมองว่า กรณีการตรวจยึดอาวุธสงครามที่ค่อนข้างรุนแรงมองว่า การใช้กำลังก็เป็นเครื่องมือในการบรรลุวัตถุประสงค์ทางการเมืองและการเจรจาบางอย่าง ในสภาพทั่วไปของการพูดคุยในหลายประเทศก็เป็นแบบนี้ แต่จะมีส่วนที่มีการโต้ตอบกันไปมาเป็นเรื่องเฉพาะกรณีและกลุ่มบุคคล

 

แต่ในภาพรวมเป็นการส่งสัญญาณในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อในการเข้าสู่วัน หรือ สัญลักษณ์หลายอย่าง เพื่อที่จะแสดงศักยภาพแล้วต้องการที่จะเพิ่มน้ำหนัก เพิ่มแรงกดดัน ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนที่จะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ การพูดคุยไม่มีฝ่ายไหนพอใจที่สุดและไม่มีฝ่ายไหนบรรลุข้อตกลง100 เปอรเซนต์ แต่ทุกฝ่ายมีความคืบหน้า ซึ่งอาจมีเรื่องที่เห็นไม่ตรงกันและมีความขัดแย้งและนำไปสู่การใช้กำลัง เรื่องเหล่านี้จะต้องนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่อไป

ประธานคณะกรรมาธิการด้านความมั่นคง ยังมองถึงกรณีที่เมื่อมีเหตุรุนแรงขึ้นและมักที่จะมีเหตุการณ์ตอบโต้ที่รุนแรงตามมาว่า จากเหตุการณ์นี้ก็มีการแจ้งเตือนให้ตัดวงจรการโต้ตอบ และตัดวงจรความรุนแรง ซึ่งดูเหมือนว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งอาจจะเป็นวิธีการใหม่ขึ้นและรุนแรงขึ้น ซึ่งการตัดวงจร 2 ระดับจะต้องทำในหลายส่วน ทั้งกองกำลังในพื้นที่ และในฝ่ายของนโยบายและการพูดคุยก็ต้องทำ ซึ่งต้องมีการประสานงานกันและต้องใช้เวลา ทั้งนี้มีความน่ากังวลเพราะอาจส้รางความตื่นตระหนกในพื้นที่ได้ หากสถานการณ์ยังไม่คลี่คลายฉะนั้นจะต้องเร่งมือกันมากขึ้น

 

พบใช้อาวุธรุนแรงขึ้น-เลือกพื้นที่ปฏิบัติการได้

นอกจากนี้ การพบอาวุธสงครามที่มีอานุภาพรุนแรงขึ้น (ปืนไรเฟิล Remington700) มองได้ว่า จากข้อมูลเปิดพบว่า มีการฝึกฝนอาวุธปืนเหล่านี้อยู่แล้ว และมีรายงานข่าวมาเป็นระยะมาพอสมควรว่า มีการใช้อาวุธจำพวกนี้เพิ่มขึ้นซึ่งเป็นสิ่งบอกเหตุ รวมถึงระเบิดที่มีลักษณ์รุนแรงขึ้นและยืดหยุ่นขึ้น หรือ แม่นยำมากขึ้น ศักยภาพตรงนี้ไม่หยุดนิ่งมีการพัฒนาโดยได้รับมาจากหลายส่วนทำให้ต้องทำงานกับต่างประเทศหนักขึ้น และชี้ให้เห็นว่า พื้นที่ที่ปฏิบัติการสามารถเลือกพื้นที่ในการปฏิบัติการได้พอสมควร ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องไปปิดช่องว่างตรงนั้น ทั้งเรื่องอาวุธ ความร้ายแรง เวลาในการปฏิบัติที่อาจจะต้องควบคุมให้ได้มากกว่านี้

 

 

 

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง