"ไทยสร้างไทย" เรียกร้องรัฐเปิดเผยข้อมูลกรณี "เหมืองทองอัครา"

การเมือง
13 ก.พ. 65
15:25
483
Logo Thai PBS
"ไทยสร้างไทย" เรียกร้องรัฐเปิดเผยข้อมูลกรณี "เหมืองทองอัครา"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"ไทยสร้างไทย" เรียกร้องรัฐบาลเปิดเผยข้อมูลกรณี "เหมืองทองอัครา" พร้อมตั้งข้อสังเกตบริษัท คิงส์เกตยอมเลื่อนการวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ โดยไม่สนใจค่าโง่จากการยกเลิกเหมืองทองกว่า 30,000 ล้านบาท

วันนี้ (13 ก.พ.2565) น.ต.ศิธา ทิวารี ประธานคณะกรรมการอำนวยการและพัฒนา พรรคไทยสร้างไทย นายธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ดิจิทัลเพื่อสร้างพลังของประชาชน พรรคไทยสร้างไทย ร่วมกันแถลงข่าว ชวนติดตามกรณีข้อพิพาท เรื่องเหมืองทองอัครา ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะดำเนินการอย่างไร จะทำให้ประเทศชาติประชาชนเกิดความเสียหายหรือไม่

พรรคไทยสร้างไทย มีข้อสังเกตว่า เหตุใด บริษัท Kinggate จึงยอมเลื่อนการวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ โดยไม่สนใจค่าโง่จากการยกเลิกเหมืองทอง ที่คาดว่าจะได้รับมากกว่า 30,000 ล้านบาท แสดงว่าการได้สิทธิ์ทำเหมืองทองต่อไป โดยเฉพาะการได้พื้นที่และอายุสัมปทานเพิ่มขึ้นนั้น มีค่าเกินกว่า 30,000 ล้านบาทหรือไม่

 

จากการติดตามยังพบอีกว่า เมื่อเดือนที่ผ่านมา หุ้นของบริษัท Kingsgate (KCN) ที่เทรดอยู่ในตลาด ASX มีราคาปรับตัวขึ้นกว่า 100% โดยถ้านับตั้งแต่มีข่าวว่ารัฐบาลไทยจะอนุมัติ ให้บริษัทคิงเกต กลับมาทำเหมืองทองในประเทศไทยต่อได้ หุ้นของบริษัทนี้ได้ปรับตัวสูงขึ้นมา กว่า 300%แล้ว โดยในปัจจุบันมาร์เก็ตแคปน่าจะทะลุ 100,000 ล้านบาท ในขณะที่ประเทศไทยจะได้รับตอบแทนจากค่าภาคหลวงแร่ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาทหรือคิดเป็นเพียง 0.4-0.5 % ของมูลค่าบริษัทที่เพิ่มขึ้นมา ณ ปัจจุบัน

ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทยจึงขอเรียกร้องให้รัฐบาล เปิดเผยข้อมูลทั้งหมดต่อพี่น้องคนไทย ทั้งในเรื่องความปลอดภัยของชุมชนโดยรอบเหมือง, พื้นที่อุทยานฯหรือป่าสงวนฯ รวมถึงสภาพแวดล้อมที่จะถูกทำลาย รวมถึงผลประโยชน์ที่บริษัทจะได้รับมีมูลค่าเท่าใด โดยปัจจุบันการสำรวจทางธรณีวิทยา พัฒนาไปไกลมาก เราสามารถสำรวจทรัพยากรใต้ดินว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงใด โดยใช้งบประมาณในการสำรวจที่ต่ำมาก เหตุใดบริษัทข้ามชาติจึงรู้ว่ามีทรัพยากรอยู่ใต้พื้นแผ่นดินไทยจำนวนมหาศาล ซึ่งส่งผลให้ราคาหุ้นของบริษัทดีดตัวสูงขึ้นหลายร้อยเปอร์เซ็นต์ ในขณะที่รัฐบาลไทยไม่มีข้อมูลใดๆ นำมาเปิดเผยให้ประชาชนไทยได้รับทราบเลย

 

น.ต.ศิธา เห็นว่าหากรัฐบาลรู้ข้อมูลทั้งหมด ควรเปิดเผย ข้อมูลและตัวเลขให้ประชาชนได้รับทราบ ว่าที่จริงแล้วทรัพย์สินซึ่งเป็นของประเทศไทยที่กำลังจะยกให้กับต่างชาติ โดยเราได้ผลตอบแทนเพียงเพียงน้อยนิดนั้น มีมูลค่าเท่าใดกันแน่ แล้วเหตุใดเพียงแค่ข่าวลือว่าจะได้สิทธิสัมปทาน จึงสามารถสร้างทรัพย์สินให้กับบริษัทที่เป็นคู่กรณีกับ พล.อ.ประยุทธ์ เพิ่มขึ้นโดยคิดเป็นมูลค่ารวมนับแสนล้านบาท ซึ่งจริงๆแล้วผลประโยชน์ที่ได้จากเหมืองแร่ทองคำ อาจจะเป็นหมื่นล้าน แสนล้าน ล้านล้าน หรือหลายสิบล้านล้านบาทก็ได้

น.ต.ศิธา ระบุด้วยว่า มีการอ้างว่าจะเกิดการจ้างงาน ประชาชนจะมีรายได้จำนวนหลายหมื่นล้าน ในเมื่อต้องใช้แรงงานคนไทย บนผืนแผ่นดินไทย เหตุใดจึงไม่ให้หน่วยงานของไทย หรือบริษัทมหาชนที่มีคนไทยถือหุ้นเข้าไปเป็นเจ้าของ รายได้หลายแสนล้าน ปัจจุบัน ซึ่งอาจจะเป็นหลาย ล้านล้านบาทในอนาคตจะได้กระจายอยู่กับประชาชนคนไทย ไม่ใช่ไปสร้างกำไรให้กับคนชาติอื่น

ในส่วนการยกเลิกการสัมปทานเหมืองนั้น พล.อ.ประยุทธ์ฯในฐานะหัวหน้า คสช.ได้สั่งยกเลิกด้วยตัวเอง อีกทั้งศาลยังเคยชี้ขาดว่าตำแหน่งหัวหน้าคสช.ไม่ถือเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ดังนั้นเมื่อมีการฟ้องร้องเกิดขึ้นจึงไม่ควรเอาความผิดพลาด ซึ่งถือเป็นค่าโง่ส่วนตัวของตัวเองมาหักกลบลบหนี้กับทรัพยากรของประเทศชาติ โดยเอื้อประโยชน์มหาศาลให้กับคู่กรณี แบบนี้ถือว่าไม่เป็นธรรมต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งถือเป็นเจ้าของสมบัติชาติ

 

ด้าน นายธรรม์ธีร์ ระบุว่า ปัญหาการทุจริตคอรัปชั่น เป็นปัญหาสำคัญ ที่ทำลายการพัฒนาประเทศมาช้านาน โดยเฉพาะโครงสร้างของระบบราชการดังนั้น พรรคไทยสร้างไทยจึงได้ผลักดันเรื่องการกระจายอำนาจสู่มือประชาชน ด้วยเทคโนโลยีกระจายศูนย์ (Decentralized Voting) มาแก้ไขปัญหาการที่เกิดจากการรวมอำนาจมากจนเกินไป การที่เราฝากการตัดสินใจที่สำคัญไว้กับคนคนเดียว แล้วเกิดข้อผิดพลาด จนหลายครั้งผลที่ได้เกิดความเสียหาย ที่ประชาชนต้องมารับร่วมกันอย่างไม่ยุติธรรม

วันนี้ถึงเวลาต้องให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างรอบด้าน ทั้งผลดี และผลเสีย และให้อำนาจกับประชาชนมีส่วนร่วมกับในการตัดสินใจในกรณีที่สำคัญ ว่าเป็นไปเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ประชาชนจริงหรือไม่ หรือกรณีใด มีผลประโยชน์ หรือมีวาระซ่อนเร้น ประชาชนก็จะเป็นคนชี้ขาดว่า รัฐจะต้องไม่ดำเนินการ

 

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง