"สุทิน" อภิปรายชี้ ปชช.ทุกข์หลายด้าน แนะนายกฯ "ลาออก-ยุบสภา"

การเมือง
18 ก.พ. 65
23:33
316
Logo Thai PBS
"สุทิน" อภิปรายชี้ ปชช.ทุกข์หลายด้าน แนะนายกฯ "ลาออก-ยุบสภา"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
"สุทิน" อภิปรายชี้ประชาชนทุกข์หลายด้าน แนะรัฐบาลยอมรับความจริงในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แนะ "พล.อ.ประยุทธ์" ลาออก-ยุบสภา

วันนี้ (18 ก.พ.2565) นายสุทิน คลังแสง อภิปรายกรณีถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ระบุอภิปรายให้ความแนะนนำแล้ว 3 ครั้ง อภิปรายไม่ไว้าวางใจแล้ว 2 ครั้ง ซึ่งเป็นการแจ้งเตือนภัยมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2562 มาจนถึงปัจจุบัน โดยแจ้งถึงแนวโน้มจีดีพีที่จะตกลงตั้งแต่ช่วงก่อนโควิด เกิดโควิด และ ปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นสวนทางรายได้ที่ตกต่ำลง ทุกข์จากปัญหาเศรษฐกิจ ทุกข์จากปัญหาสังคม และทุกข์จากปัญหาการเมือง และทุกข์จากปัญหาเหมืองทองอัครา

นายสุทิน กล่าวว่า ทุกข์ปากท้องเศรษฐกิจ มาถึงจุดแพงทั้งแผ่นดิน จนทั้งแผ่นดิน โดยค่าครองชีพสูงขึ้นทุกตัว โดยอาหารแพงขึ้น 30 % การเดินทางขึ้น 30-40 % โดยขึ้นแล้วทำให้ทำมากินหายากโดยทำให้รายได้ตกซึ่งก็คือปัจจัยการผลิต โดยเฉพาะปุ๋ย เช่นปุ๋ยยูเรีย และอาหารสัตว์ ที่ดึงให้รายได้ตก เช่น ชาวนาที่แม้ว่าจะมีน้ำแต่ไม่อยากทำนา เพราะปุ๋ยแพง ยาฆ่าแมลงแพง ขณะที่ราคาตกสวนทางส่งผลให้ต้นทุนการทำนา ต้นทุนเพิ่มไร่ละกว่า 1,000 บาท

นายสุทิน กล่าวว่า ค่าแรงที่ไม่ได้ปรับมาหลายปี รวมถึงโรงงานปิดและคนตกงาน คนงานหลุดจากมาตรา 32 หลุดออกจากระบบ 600,000 คน และต้องกลับบ้านซึ่งไม่มีสวัสดิการเพราะตกงาน รวมตกงานจากภาคการเกษตรตัวเลขรวมน่าตกใจมาก ซึ่งทำให้รายได้ขาดหาย ผู้ค้ารายย่อยและเอสเอ็มอีได้รับผลกระทบหนัก สรุปขณะนี้ คือ ค่าครองชีพสูงแต่รายได้ต่ำ

ขณะที่มายังหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้นโดยจะอยู่ที่เกือบ 90 % ของจีดีพีและหนี้สาธารณะก็เพิ่มสูงขึ้นจนจะชนเพดาน 60 % และ จะมีการขยับเพดานเงินกู้ไปซึ่งมีการขยับเพดานไปที่ 70 % แล้ว ซึ่งทั้งหมดนี้มีการเตือนมาแล้ว ซึ่งหลังจากพูดไปแล้วรัฐบาลแจ้งว่า เป็นทั้งโลก เนื่องจากปัญหาโควิดเกิดขึ้นทั้งโลก ซึ่งแท้จริงนั้นสถานการณ์เกิดขึ้นตั้งแต่ก่อนโควิด

โควิดโดนทั้งโลกแต่เราหนักกว่าเขา เขาโดนแค่เซ แต่เราโดนหัวคะมำ ซึ่งเศรษฐกิจประเทศไทยเปรียบเทียบคือเคยอยู่ระดับพื้นดินพอโควิดมาก็ไปอยู่ใต้เหวเลย

นายสุทิน ยังกล่าวว่า ภาวะเงินเฟ้อนั้นต่างประเทศเริ่มฟื้นตัวแล้ว โดยสหรัฐฯเพิ่มขึ้นมาแล้ว ขณะที่ไทยภาวะเงินฝืดเพราะคนไทยไม่มีเงินซึ่งแท้จริงคือยังไม่ฟื้น และการขยายตัวคือขยายในแดนลบ แต่สหรัฐฯและยุโรปขยายตัวในแดนบวก ดังนั้นการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อคือเงินเฟ้อในราคาสินค้าแต่เงินไม่มี ซึ่งรัฐบาลอาจเข้าใจผิด

ขณะที่การบอกว่า สินค้าแพงเพราะน้ำมันแพง ทั่วโลกเป็นแบบนั้นจริงแต่ของไทยไม่ใช่แบบนั้น การแจ้งแบบนี้เท่ากับเป็นการอนุญาตให้มีการขึ้นราคาเลย โดยน้ำมันแพงขึ้น 30 % โดยราคาสินค้าควรขึ้นที่ 30 % แต่ปุ๋ยและยาฆ่าแมลงขึ้น 200 % ซึ่งเป็นการฉวยโอกาสโดยอ้างการส่งสัญญาณของรัฐบาล และหลายรายการอยู่ในประเทศไม่เกี่ยวกับต่างประเทศ

ถามว่าลอตเตอรี่ทำไมขึ้นราคา เกี่ยวอะไรกับน้ำมันมั้ย ราคาถึงคนขาย 95 บาท ก็มาดื้อตาใสบอกว่าไม่ขึ้น เกี่ยวอะไรกับเงินเฟ้อ เกี่ยวอะไรกับน้ำมัน สินค้าอื่นเป็นอาการเดียวกับลอตเตอรี่หรือเปล่า

นายสุทิน ยังกล่าวถึงปัญหาสังคม โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดที่ระบาดที่พูดมาแล้วหลายปี ที่ขณะนี้ต้องเฝ้าระวังในช่วง 2-3 ปี ที่ต้องเตือนไปถึงระดับประถมจากเดิมที่เตือนในระดับมัธยม โดยเฉพาะอาชญากรรมไซเบอร์ สแกรมเมอร์ โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่มาตามจับการเมืองแทนที่จะส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล  

นายสุทิน ขณะที่ทุกข์จากการเมือง ที่บอกว่าจะปฏิรูปการเมือง วันนี้ ที่การเมืองอ่อนแอ ที่ใช้เงินมาก เช่นการเลือกตั้งท้องถิ่น เลือกตั้งซ่อม ที่วันนี้ดึงไปสู่ประชาธิปไตยแบบใช้เงินเป็นใหญ่ โดยวันนี้กรรมมาตกที่ท่าน วันนี้พรรคพลังประชารัฐแตกทำให้รัฐบาลอ่อนแอทำงานไม่ได้ และสภาล่มหลายครั้ง และการนับองค์ประชุมทุกครั้งก็ล่มแตกต่างจากในอดีต ที่อาจจะมีล่มแต่อาจเป็นบางครั้ง

ขณะที่กรณีเหมืองคิงส์เกต ก็พบว่ามีพิรุธ ซึ่งนายกฯบอกว่า เป็นการชะลอแม้ว่าจะบอกว่าปิด ซึ่งไม่ผิดเพราะมีปัญหาเรื่องสิ่งแวดล้อม ขณะที่ การใช้ ม.44 อาจผิดพลาด โดยการสั่งปิดส่วนหนึ่งตกงาน เรื่องนี้ต้องดูแลประชาชนหากผลกระทบเยอะจริงก็ต้องปิด และปิดด้วยวิธีที่ฉลาดใช้กฎหมายที่ทำให้ถูกฟ้องได้ ซึ่งการปิดและไม่ได้ใช้ผลพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ไปประกอบว่า สิ่งแวดล้อมเสีย เกิดมลพิษ และนายกฯบอกว่ารับผิดชอบหากแพ้คดีนายกฯจะรับผิดชอบ แต่จะให้แผ่นดินจ่ายไมได้

ขณะที่การยอมเสียค่าปรับอาจน้อยกว่าการให้สัมปทานใหม่เพิ่ม ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประกาศพื้นที่การทำเหมืองว่าพื้นที่ใดทำได้และพื้นที่ใดทำไม่ได้

ขณะที่เรื่องหมูนั้นมีโรคเอเอสเอฟเกิดขึ้นแต่ท่านไม่ได้บอกให้ผู้เลี้ยงหมูทันเวลา เมื่อหมูตายเยอะทำให้ราคาหมูแพงขึ้น และผู้เลี้ยงรายย่อยจะสูญพันธุ์หมด หากจะกล่าวหาว่าทำผิด ทำไมปกปิด เพราะกรมปศุสัตว์บอกตั้งแต่โรคลัมปิสกิน เพราะหากบอกเร็วกรมฯจะต้องเยียวยา และการไม่บอกอาจจะเป็นการทำงานให้ทุนใหญ่ได้ประโยชน์ โดยทำให้ไม่มีคู่แข่งรายย่อยต่อไป และราคาหมูแพงขึ้น

ท่านบอกเพิ่งรู้ว่าเพิ่งตรวจพบ และมีมาตั้งแต่ปี 61-62 แต่มาตรวจเจอ 1 ตัว โดยเป็นโรคเพิร์ส แต่ก็พบว่ามีการเบิกงบฯไปตั้งแต่ปี 62 ไปแก้โรคเอเอสเอฟตั้งแต่ปี 62 ผมจึงแนะนำให้ฟ้องกรมปศุสัตว์ แม้ว่าต่อมาจะบอกว่าไปแก้โรคอื่น


นอกจากนี้ ท่านบอกว่าหมูยังครบ โดยมีการฆ่าหมูไปกว่าแสนตัวและฟาร์มที่ปิดเพราะหมูหมด จึงอยากถามว่าใครเป็นตัวการปั่นราคาหมู
และท่านบอกว่าแก้ปัญหาแล้ว โดยฟ้องการกักตุนหมูไปหลายคดี ซึ่งชาวบ้านไม่อยากให้แก้ปัญหาแบบวัวหายล้อมคอก ท่านต้องแก้ปัญหาอย่าให้มีการกักตุนตั้งแต่แรก ขณะที่หมูลดราคาลงโดยเมื่อหมูจากห้องเย็นหมดหมูในตลาดไม่มีก็ราคาจะขึ้น ก็ได้ข่าวว่ามีการแอบเอาหมูต่างประเทศมา ซึ่งจะนำหมูเข้ามาก็ควรแจ้งอย่างชัดเจน

นายสุทิน ยังเสนอว่า เสนอแนะรัฐบาลอยากให้รัฐบาลยอมรับความจริงให้รับฟังมากขึ้น โดยเฉพาะกรณีเศรษฐกิจพังเพราะโควิดไม่ใช่เพราะเงินเฟ้อหรือเป็นทั่วโลก และอยากให้แก้ไขปัญหาเชิงรุกไม่ใช่วิ่งตามปัญหา เช่น กรณีน้ำมันแพง เช่นให้ลดภาษีสรรพสามิตเพื่อลดราคาน้ำมัน

นอกจากนี้ ยังเสนอให้ทบทวนการกระตุ้นเศรษฐกิจใหม่ โดยให้แจกต่อไปโดยแจกให้เกิดการลงทุน เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจซึ่งที่ผ่านมาหากกระตุ้นถูกจีดีพีก็จะขึ้นแล้ว และสร้างกันชนเศรษฐกิจซึ่งเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจชาวบ้านจะต้องไม่รับผลกระทบโดยตรง การหารายได้โดยที่นายกฯประกาศว่าปี 65 จะเป็นปีแห่งการแก้หนี้ ซึ่งมีหลักคือ ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้

การหารายได้โดยเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ คริปโทเคอร์เรนซี นอกจากไม่ส่งเสริมยังจ้องจะเก็บภาษี ขณะที่ภาษีโรงเรือนและที่ดินจะจัดเก็บ 100 % ขณะที่ธุรกรรมที่ดินกรมธนารักษ์ยกราคาที่ดินทุก 5 ปี ซึ่งราคาประเมินสูงขึ้นก็จะเสียภาษีแพงขึ้น

ขณะที่ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ต้องแก้ปัญหาและอุดรอยรั่ว นอกจากนี้ยังขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ ทบทวนตัวเอง โดยคิดว่าวันนี้อยู่บนกองทุกข์หรือกองสุข ไม่ว่าจะเอาชนะใคร โดยเอาประชาชน

ในที่สุดหากท่านยังไม่ออก ท่านจะลาออก หรือ ยุบสภาก็แล้วแต่ท่าน หากท่านไม่ออกก็จะเกิดเหตุแบบนี้ต่อไป

นายสุทิน ยังเรียกร้องให้นายกฯลาออก โดยระบุว่า "ในที่สุดหากท่านยังไม่ออก ท่านจะลาออก หรือ ยุบสภา ก็แล้วแต่ท่าน หากท่านไม่ออกก็จะเกิดเหตุแบบนี้ต่อไป เนื่องจากขณะนี้มีคนจนจำนวนมาก หรือกว่า 20 ล้านคนบางส่วนเป็นคนจนเฉียบพลัน บางส่วนเป็นคนจนเรื้อรังที่แม้ว่าสถานการณ์จะดีขึ้นคนจนเรื้อรังจะยังจนอยู่ และจะกลายเป็นคนจนถาวร ขณะที่ประเทศจะไปสู่การกู้หนี้ฉุกเฉิน กู้หนี้เรื้อรัง และเข้าสู่ภาวะล้มละลาย 

 ไปพร้อมกันก็ได้ ยุบสภาเลย คำว่ายุบสภา คือไปด้วยกันกฎหมายลูกทำทัน ท่านไปด้วยผมก็ไปด้วย ไปพร้อมกันจะได้เป็นธรรม ไม่ต้องน้อยใจว่าผมไล่ท่าน

 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง