วันนี้ (25 ก.พ.2565) สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จ.เชียงใหม่ วันนี้ พบผู้ติดเชื้อยืนยัน 270 คน ผู้ติดเชื้อเข้าข่าย 2,529 คน และมีผู้เสียชีวิต 1 คน ยอดผู้ติดเชื้อสะสมตั้งแต่ ม.ค.2565 เป็นต้นมาถึงปัจจุบัน แบ่งเป็นจากการตรวจแบบ RT-PCR สะสมแล้ว 11,679 คน และการตรวจ ATK สะสมแล้ว 50,508 คน
การฉีดวัคซีนเข็มที่ 1 ฉีดแล้ว 1,593,914 โดส เข็มที่ 2 ฉีดแล้ว 1,548,054 โดส เข็มที่ 3 ฉีดแล้ว 508,358 โดส
นพ.จตุชัย มณีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า ตามที่ไทยไทยใช้นโยบาย Living with COVID-19 ประกอบกับกลยุทธ์ของเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอไมครอน ที่มีข้อมูลว่าผู้ติดเชื้อ 1 คน จะแพร่กระจายเชื้อไปสู่คนอื่นอีกประมาณ 8-10 คน และผู้ติดเชื้อกว่าร้อยละ 90 ไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อทั้งในระดับจังหวัดและระดับประเทศเพิ่มสูงขึ้น
ในช่วงนี้พบว่ายอดผู้ติดเชื้อรายใหม่และยอดผู้รักษาหายอยู่ในระดับที่สมดุลกัน โดยการติดเชื้อรายวันของจ.เชียงใหม่ พบว่าผู้ติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นกลุ่มสีเขียว คือไม่มีอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย ส่วนผู้เสียชีวิตเฉลี่ย 0-2 คนต่อวัน
ขณะที่การดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้ใช้ระบบ Home Isolation และ Community Isolation สำหรับผู้ติดเชื้อกลุ่มสีเขียว เพื่อสำรองเตียงในโรงพยาบาลหลักให้แก่ผู้ติดเชื้อที่มีอาการหนัก ซึ่งขณะนี้มีเตียงคงเหลือรองรับผู้ติดเชื้อกลุ่มนี้ถึง 65%
ตรวจโควิดแบบ RT-PCR - ATK
ส่วนกรณีที่มีข่าวถึงการรายงานยอดผู้ป่วยโควิด-19 แยกเป็น 2 กลุ่ม เป็นกลุ่ม PCR และกลุ่ม ATK นั้น ได้ชี้แจงว่า ปัจจุบันมีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 จำนวน 2 วิธี คือ วิธี RT-PCR ซึ่งเป็นวิธีที่แม่นยำ ค่าใช้จ่ายสูง ใช้เวลาตรวจนาน แต่ละครั้งตรวจได้จำนวนน้อยและต้องใช้เครื่องตรวจ จึงจะใช้วิธีนี้ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการเป็นหลัก และเรียกผู้ที่มีผลบวกว่า "ผู้ป่วยยืนยัน"
อีกวิธีคือ ATK เป็นวิธีที่ตรวจโดยใช้แถบตรวจสำเร็จ ความแม่นยำปานกลาง ราคาถูก รู้ผลทันที ตรวจได้ในปริมาณมาก ตรวจได้ทุกที่ ไม่ต้องใช้เครื่องตรวจ ปัจจุบันใช้ในการตรวจภาคสนาม เน้นกลุ่มเสี่ยงสูงที่ไม่มีอาการ เนื่องจากมีปริมาณมากและสามารถตรวจได้ทุกที่ และเรียกผู้ที่มีผลบวกว่า "ผู้ป่วยเข้าข่าย"
พร้อมให้การรักษาด้วยระบบ Home Isolation หรือ Community Isolation ได้ทันที จ.เชียงใหม่ จึงได้มีการรายงานยอดผู้ป่วยประจำวันจากการตรวจทั้ง 2 วิธี ให้ประชาชนทราบ เพื่อสร้างความตระหนักและป้องกันตนเอง สำหรับมาตรการหลักที่ต้องเน้นย้ำในขณะนี้คือ "มาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคล" คือการสวมหน้ากากอนามัย และการฉีดวัคซีน โดยเฉพาะการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3