วันนี้ (28 ก.พ.2565) โรม่า รัค ชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในไทยร่วม 10 ปี หนึ่งในผู้ที่มาร่วมชุมนุม หน้าสถานเอกอัครราชทูตรัสเซีย ประจำประเทศไทย เพื่อเรียกร้องให้รัสเซียยุติสงครามในยูเครน ด้วยความกังวล เนื่องจากครอบครัวของเขายังคงอาศัยอยู่ในเคียฟ เมืองหลวงยูเครน
การติดต่อบ้างครั้งมีข้อจำกัด การทิ้งระเบิดยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง การออกไปซื้ออาหาร หรือน้ำดื่ม ค่อนข้างลำบาก และต้องอาศัยในหลุมหลบภัย ทำให้ โรม่า รัค เลือกที่จะมาร่วมแสดงจุดยืน เพื่อให้รัสเซียถอนกำลังออกจากยูเครนโดยเร็ว และต้องการให้ปูตินออกจากตำแหน่ง พร้อมกับการเปลี่ยนรัฐบาล
โรม่า รัค ระบุอีกว่า เข้าใจการแถลงจุดยืนของไทยต่อสถานการณ์ในรัสเซีย แต่ก็หวังว่ารัฐบาลไทยจะยืนเคียงข้างประเทศอื่น ๆ ที่แสดงจุดยืนต่อต้านรัสเซีย เช่น ปิดน่านฟ้าห้ามสายการบินรัสเซียเข้า หรือกดดันสถานทูตรัสเซียในประเทศ
ไม่ต่างจาก เคท และเพื่อนชาวอยู่เครน ที่เดินทางมาทำกิจกรรมเพนท์สีฟ้า–เหลือง ซึ่งเป็นสีธงชาติยูเครน ให้กับผู้เข้าร่วมประท้วง เนื่องจากครอบครัวของเธอยังอยู่ในเคียฟ แม้จะต้องเผชิญกับสภาวะสงคราม แต่ก็ย้ำว่ายังไม่ลี้ภัย เพราะนี่เป็นประเทศของเธอ
ขณะที่ นาตาลี ชาวรัสเซีย ที่มาร่วมแสดงจุดยืนต่อต้านสงคราม ระบุว่า สถานการณ์นี้ไม่ใช่ปฏิบัติการพิเศษอย่างที่ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธาธิบดีรัสเซียอ้าง แต่เป็นการก่อสงคราม และต้องยุติทันที พร้อมยืนยันว่า ชาวรัสเซียบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการบุกยูเครนของรัสเซีย และย้ำว่าเป็นเรื่องที่ไม่สามารถยอมรับได้
บัญชีธนาคารต่าง ๆ ถูกระงับ ฉันมีปัญหาในการชำระเงินระหว่างประเทศ มันเริ่มแล้ว เพื่อนฉันบินออกจากรัสเซียในเที่ยวบินสุดท้าย ฉันดีใจที่เธอออกมาได้ แต่ก็เป็นห่วงครอบครัวของฉันที่ยังอยู่ในรัสเซีย
นอกจากนี้ สถานการณ์ในรัสเซียพบว่า ประชาชนและบริษัทต่าง ๆ เริ่มได้รับผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตร และการที่ชาติยุโรป ตัดธนาคารสัญชาติรัสเซีย ออกจากระบบ SWIFT รวมถึงหลายประเทศ ห้ามสายการบินรัสเซียบินเข้าน่านฟ้า
อย่างไรก็ตาม ชาวยูเครนหลายคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เชื่อใจการนัดเจรจาที่ชายแดนเบรารุส โดยมองว่า เป็นความไม่จริงใจ ของประธานาธิบดีรัสเซีย เพราะเป็นพื้นที่ที่มีกองกำลังรัสเซียอยู่ แต่หากมีการเจรจา ก็คาดหวังว่าจะเห็นการถอนกำลังทหาร โดยไม่มีเงื่อนไขเข้าไปควบคุมรัฐบาลยูเครน