วันนี้ (7 มี.ค.2565) นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เปิดบ้านแถลงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีการเสียชีวิตของ นิดา พัชรวีระพงษ์ หรือ แตงโม โดยเชื่อว่า คดีนี้ประชาชนและสื่อมวลชนจะได้รับการแถลงข้อมูลคดีในอีก 1–2 วันต่อจากนี้ ซึ่งทิศทางของคดี คือ อุบัติเหตุ แต่ส่วนตัวเรียกร้องให้บุคคลที่อยู่บนเรือทั้ง 5 คน ออกมาพูดความจริง เพราะจากข้อมูลที่ส่วนตัวทราบ มีการโกหกขึ้น เพื่อเบี่ยงเบนความผิดที่เกิดขึ้น เช่น เรื่องขวดไวน์ที่เจอเพียงขวดเดียว แต่จากประสบการณ์ส่วนตัว ไวน์หนึ่งขวด สามารถรินได้มากที่สุด 7 แก้ว แต่คนบนเรือ มีทั้งหมด 6 คน จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพียงขวดเดียว ซึ่งประเด็นเรื่องเมาแล้วขับเรือ อาจเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ผู้กระทำผิดต้องการเบี่ยงเบนประเด็น
นอกจากนี้ ส่วนตัวยังมีข้อมูลว่า หลังเกิดเหตุกลุ่มคนที่อยู่บนเรือ ได้มีการโทรศัพท์ประสานไปยังนักการเมืองคนหนึ่ง อักษรย่อ ช. เพื่อขอความช่วยเหลือและคำแนะนำ ซึ่งส่วนตัวรู้จักหนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือ เมื่อ 10 ปีก่อน ที่ขณะนั้น ยังเปิดเต็นท์รถมือสอง ย่านพัฒนาการ ก่อนที่ต่อมาจะรู้จักกับคนในวงการรถหรู อักษรย่อ ผ. และมีการแนะนำต่อ ๆ มา จนมารู้จักกับนักการเมืองอักษรย่อ ช. คนนี้ ซึ่งชื่นชอบรถหรูเช่นกัน
เมื่อได้รับคำแนะนำแล้ว ทำให้ทุกคนที่อยู่บนเรือ ให้การไปในทิศทางเดียวกันว่า นักแสดงสาวไปทำธุระส่วนตัวที่ท้ายเรือจนเสียหลักตกน้ำเสียชีวิต ซึ่งส่วนตัวมองว่า เป็นการกระทำที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นจริง เพราะผู้หญิงควรจะต้องอายกับการกระทำดังกล่าว อีกทั้งเรือไม่ได้มีขนาดใหญ่ และอยู่ระหว่างล่องในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่สามารถจอดเทียบท่าตามสถานที่ต่าง ๆ ได้โดยง่าย เช่น ร้านอาหาร บ้านคน หรือวัด
นายชูวิทย์ ยังมีการแสดงถึงวัฏจักรของกลุ่มไฮโซ คือ มีรถหรู เรือเร็ว เหล้า ไวน์ ยา นักการเมือง โดยนายชูวิทย์ระบุว่า ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับวัฏจักรนี้ ส่วนตัวยังทราบว่า หนึ่งในผู้ที่อยู่บนเรือ มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยา พร้อมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับช่วงที่มีหายไปสองวัน ก่อนเข้าพบตำรวจ ซึ่งมองว่า เป็นการจงใจปกปิดการตรวจสอบบางอย่าง โดยตำรวจต้องมีการตรวจสอบ แต่จะตรวจเจอหรือไม่นั้น ไม่สามารถตอบได้
พร้อมกันนี้ นายชูวิทย์ ยังฝากถึงนักสืบโซเชียลว่า อย่าหยิบยกประเด็นที่อาจทำให้ตัวผู้เสียชีวิตเสื่อมเสียมาพูด เช่น เด็กเอ็นท์ หรือประเด็นที่มีการล่องเรือ เพื่อเตรียมพาไปพบผู้ใหญ่ที่รออยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เพราะจากประสบการณ์ส่วนตัว เรื่องแบบนี้ ต้องเกิดจากความสมัครใจของทั้งสองฝ่าย ไม่ใช่การบังคับ เพราะจะมีปัญหาตามมาภายหลังได้
ส่วนประเด็นที่มีการพูดถึงตำรวจระดับนายพล ยศพลตำรวจตรี ออกมาขายข้อมูลให้กับผู้ก่อเหตุ ส่วนตัวไม่เชื่อ เนื่องจาก คดีนี้ เป็นที่สนใจของประชาชน ตำรวจไม่มีใครเอาตัวเองมาเสี่ยงอยู่แล้ว ทุกคนต้องระวังตัว