สงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบความมั่นคงอาหารโลก

ต่างประเทศ
15 มี.ค. 65
07:22
1,553
Logo Thai PBS
สงครามรัสเซีย-ยูเครน กระทบความมั่นคงอาหารโลก
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โครงการอาหารโลกแสดงความกังวลต่อความมั่นคงทางอาหาร หลังยูเครนที่ได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ เพราะเน้นการเพาะปลูก ถูกรัสเซียบุกจนกลายเป็นสงครามยืดเยื้อ ทำให้กระทบไปถึงประเทศอื่น ๆ ที่ต้องพึ่งพิงผลผลิตทางการเกษตรจากยูเครน

วันนี้ (15 มี.ค.2565) สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า โครงการอาหารโลก หน่วยงานในสังกัดองค์การสหประชาชาติที่ให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แสดงความกังวลเกี่ยวกับความช่วยเหลือด้านอาหารต่อประเทศยากไร้ ทั้งในแอฟริกา หรือประเทศที่เผชิญความขัดแย้งอย่างเยเมน ว่าจะได้รับผลกระทบจากสงครามในยูเครน

ประมาณครึ่งหนึ่งของพืชพรรณธัญญาหารที่โครงการอาหารโลกจัดซื้อเพื่อดูแลปากท้องของผู้ที่ยากไร้ จำนวน 125 ล้านคน มาจากผลผลิตของยูเครน

ยูเครนเป็นประเทศเกษตรกรรม ร้อยละ 70 ของประเทศเป็นพื้นที่การเกษตร รวมถึงยังเป็นผู้ส่งออกข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวฟ่าง อันดับต้นของโลก ขณะที่รัสเซียก็เป็นผู้ส่งออกทั้งข้าวโพด ข้าวสาลี ข้าวบาร์เลย์ ที่สำคัญคือน้ำมันจากดอกทานตะวัน

ยูเครน-รัสเซีย ผลิตข้าวสาลีคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 30 ของทั้งโลก เช่นเดียวกับข้าวโพด ร้อยละ 20 และน้ำมันเมล็ดทานตะวันถึงร้อยละ 80 ดังนั้นผลกระทบหนักแน่นอน


ในยูเครน เมื่อถูกโจมตี เกษตรกรก็ต้องอพยพออกจากพื้นที่ ไม่สามารถทำการเพาะปลูกต่อได้ หรือบางพื้นที่ที่ใช้เพาะปลูกก็ได้รับความเสียหาย ซึ่งผลกระทบที่เมื่อเกิดสงครามคือ ข้าวยากหมากแพง อาหารจะขาดแคลน

เพราะฉะนั้นภายในประเทศที่มีสงคราม ก็จะต้องกักตุนอาหารและสินค้าเอาไว้ เพื่อให้เพียงพอสำหรับคนในประเทศตัวเองก่อน เพราะฉะนั้นสัดส่วนที่แบ่งไปให้การส่งออกก็จะน้อยลง ซึ่งจะกระทบต่อการสนับสนุนจัดหาอาหารให้ประเทศที่ยากไร้ของโครงการอาหารโลกด้วย

ทั้งนี้ สิ่งที่ตามมา คือ ประเทศที่เคยนำเข้าอาหารและธัญพืชต่าง ๆ จากยูเครนก็เริ่มขาดแคลนตาม ทั้งอียิปต์ ตุรกี บังกลาเทศ และอิหร่าน ประเทศกลุ่มนี้นำเข้าอาหารและธัญพืชจากยูเครนและรัสเซียกว่าร้อยละ 60 เพราะฉะนั้นสงครามที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ได้สร้างผลกระทบไปทั้งโลก ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม

ที่มา : AP

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง