วันนี้ (15 มี.ค.2565 ) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขระบุถึงแนวโน้มการยุบสภาว่า คนที่ยุบสภาได้ ตามกฎหมายคือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ก็ไม่เคยพูดถึงเรื่องการยุบสภาในการประชุม ครม. และขอไม่แสดงความคิดเห็นว่า พรรคเศรษฐกิจไทยจะเป็นตัวแปรในเรื่องของการยุบสภาหรือไม่
พร้อมย้ำว่า ไม่เคยมองเรื่องการยุบสภา เพราะไม่ได้มีอำนาจที่จะยุบสภาได้อยู่แล้ว จึงไม่ได้คิดเรื่องนี้ให้เสียเวลา แต่ยอมรับว่า ภูมิใจไทยเตรียมการเลือกตั้งมาตั้งแต่ 26 มี.ค.2562 เพราะต้องพร้อมตลอดเวลา และในขณะนี้ควรสนใจเรื่องการสร้างเสถียรภาพประเทศ ไม่ใช่แค่เสถียรภาพของรัฐบาลเท่านั้น เพราะขณะนี้มีปัญหาต่าง ๆ มาก เช่น สงคราม เศรษฐกิจ ซึ่งต้องเน้นการพึ่งพาตนเอง กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ และใช้ความเป็นชาตินิยม เพื่อผ่านวิกฤต
นายอนุทิน ชาญวีรกูล ระบุถึงงานเลี้ยงร่วมกับพรรคเล็กวันที่ 17 มี.ค.นี้ว่า ได้รับคำเชิญแล้ว โดยฝ่ายเสนาธิการของนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ประสานมา และนายกรัฐมนตรี ยังเชิญด้วยตนเองในช่วงเดินทางกลับจากเบตง จ.ยะลา เมื่อวานนี้ ดังนั้นจึงต้องไป ส่วนการเชิญผู้ที่เข้าร่วมงานน่าจะเหมือนเดิมคือเป็นการเชิญระดับแกนนำของพรรค พร้อมย้ำต้องร่วมมือกันเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง
ทั้งนี้การนัดรับประทานอาหารครั้งนี้ ไม่ใช่งานเลี้ยงสังสรรค์ แต่เป็นการหารือเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ และสร้างความมั่นใจให้ประชาชน โดยมองว่า การนัดหารือของพรรคร่วมรัฐบาลก็ควรจะเชิญทุกพรรค ซึ่งการได้พูดคุยกันเดือนละครั้งถือว่าเป็นเรื่องน่ากระทำ
ส่วนการไปร่วมงานเลี้ยงจะเปรียบเสมือนอยู่ระหว่างกลางของเขาควายหรือไม่ นายอนุทินระบุว่า ไม่มีการเสี้ยมกันอยู่แล้ว และการอยู่ระหว่างเขาควายก็ปลอดภัยดี เพราะเขาควายโค้งลงมา แม้จะมีการชนกันตรงกลางก็ไม่เป็นอะไร
นายอนุทินย้ำว่า ปัญหาในสภาไม่เกี่ยวข้องกับการบริหารประเทศ ถ้าทุกกระทรวงบริหารราชการแผ่นดินด้วยความสำนึกในหน้าที่ซื่อสัตย์สุจริต ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในสภา
ทั้งนี้ ยืนยันว่า พรรคเศรษฐกิจไทยไม่ใช่ปัญหาของพรรคร่วมรัฐบาล และผู้จัดการรัฐบาลก็พูดแล้วว่าพรรคเศรษฐกิจไทยเป็นส่วนหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล โดยยังไม่ขอให้ความเห็นเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะไม่รู้ว่ามีประเด็นอะไรที่ถูกหยิบยกมาอภิปรายบ้าง แต่ทั้งหมดต้องเป็นไปตามกระบวนการและบทบาทหน้าที่ของแต่ละฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ทุกอย่างว่าไปตามกรรมของผู้ที่กระทำ