วันนี้ (15 มี.ค.2565) ก่อนการประชุม ครม.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ระบุถึงแนวคิดการยุบสภาว่า ในช่วงหลังเสร็จสิ้นการประชุม APEC รัฐบาลก็ว่างแล้วจึงยุบได้ในตอนนั้น ส่วนจะยุบหรือไม่ยุบขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี โดยไม่ได้ไปถามจากใครมาแต่คิดด้วยตนเอง เพราะประเมินแล้วว่า จังหวะหลังการประชุมเอเปคถือว่าเหมาะสม หากใครจะเสนอยุบสภาในช่วงเวลานั้น
ทั้งนี้ไม่ต้องดูเรื่องความได้เปรียบเสียเปรียบ และมั่นใจว่า จะประคับประคองรัฐบาลไปถึงช่วงเวลานั้นเพราะไม่ใช่เรื่องยากลำบาก และเชื่อว่าทุกคนให้การสนับสนุนรัฐบาล
ส่วนการนัดหารือร่วมกับพรรคเล็ก ไม่ได้มีอะไร และยืนยันว่า เชิญทุกพรรคที่ร่วมรัฐบาล ส่วนพรรคเศรษฐกิจไทยถือว่ายังไม่เป็นพรรคสมบูรณ์ เพราะยังไม่มีหัวหน้าพรรคอย่างเป็นทางการ แต่ถ้ามีหัวหน้าพรรคแล้วต่อไปก็จะต้องเชิญอย่างแน่นอน
พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่า ระหว่างนายกรัฐมนตรีกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันและสามารถพบกันได้ พร้อมย้อนกลับสื่อมีแต่คุณที่พยายามทำให้เขาทะเลาะกัน และถามกลับว่าเดี๋ยวนี้ไม่จับคู่ให้ตนเองทะเลาะกับนายกรัฐมนตรีแล้วหรือ
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ดูแลพรรคเล็กมาตลอดตั้งแต่เริ่มต้น แม้จะไม่มี ร.อ.ธรรมนัส แล้วก็ไม่เกี่ยวกัน เพราะดูแลคนเดียวมาตลอด และไม่ได้แสดงความกังวลว่าร้อยเอกธรรมนัสจะดูด ส.ส.พรรคเล็ก และขอไม่พูดเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส แล้ว
ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถามเรื่องการปรับ ครม. และการจะส่งผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่
ขณะที่ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงกรณีการยุบสภาหลังเสร็จสิ้นการประชุมเอเปคโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นเรื่องของ พล.อ.ประวิตร ที่ท่านพูด ซึ่งได้แจ้งกับตนเองแล้ว ซึ่งก็เป็นในมุมของท่าน แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของนายกฯ ซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เป็นเรื่องนายกฯตัดสินใจ ขณะนี้ขอเก็บไว้ก่อนไม่ต้องรีบบอก สถานการณ์จะเป็นตัวกำหนดทั้งหมด
"ผมอยากให้ทุกคนคำนึงถึงว่าอะไรมันสำคัญกว่าอะไร ประเทศชาติมีปัญหาสำคัญ ประชาชนเดือดร้อน สำคัญมั้ย มันควรจะสำคัญกว่าอย่างอื่นมั้ย ประวัติศาสตร์ที่ผ่านไม่ว่าจะเมื่อไหร่ก็ตามที่ประเทศไทย เข้าสู่ภาวะที่ไม่ปกติ คนไทยทุกคนจะรวมพลังกัน ในการที่จะต่อสู้เอาชนะมัน จนอยู่รอดปลอดภัยมาจนถึงวันนี้ วันนี้เราจะแตกแยก แปลกแยกไปถึงไหนกันล่ะ ปัญหาอะไรที่จะลดลงไปได้ ก็ลดลงไปซะบ้าง ขอร้องกันแค่นั้นเอง"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุว่า ขณะนี้ยังต้องพิจารณาเรื่องการประชุมอีกหลายเรื่องทั้ง จี 7 ไปจนถึงการประชุมเอเปค ก็จะต้องดูว่าจะประชุมได้หรื่อไม่ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในรัสเซียและยูเครน
ขณะที่การพูดคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลเป็นการพบเจอพูดคุยกัน ปกติก็พบหลายครั้งที่สภาฯ วันนี้มาเจอกันในฐานะที่มาร่วมแรงร่วมใจในการทำเพื่อประเทศ อย่างอื่นค่อยว่ากันทีหลัง ไม่มีอะไรเป็นประเด็น ในเรื่องของความไม่รักไม่สามัคคีกันไม่ใช่ ให้เกียรติเสมอ ไม่เคยคิดว่าเป็นนายกฯแล้วสุดยอดเมื่อไหร่ ผมให้เกียรติทุกคน