ศบค.ลดจังหวัดสีส้ม-เพิ่มสีเหลือง-สถานบันเทิงทุกพื้นที่ปิดต่อ

สังคม
18 มี.ค. 65
13:26
5,297
Logo Thai PBS
ศบค.ลดจังหวัดสีส้ม-เพิ่มสีเหลือง-สถานบันเทิงทุกพื้นที่ปิดต่อ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
ที่ประชุม ศบค.เห็นชอบปรับลดพื้นที่ "สีส้ม" เหลือ 20 จังหวัด และเพิ่มพื้นที่ "สีเหลือง" เป็น 47 จังหวัด และยังคงให้ปิดสถานบริการ-สถานบันเทิงทุกพื้นที่

วันนี้ (18 มี.ค.2565) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) แถลงผลการประชุมของ ศบค.ชุดใหญ่ ว่า ที่ประชุมฯ รับทราบการปรับเปลี่ยนสีพื้นที่ตามสถานการณ์ จากเดิมมีพื้นที่ควบคุม (สีส้ม )44 จังหวัด ปรับลดเหลือ 20 จังหวัด

ขณะที่พื้นที่เฝ้าระวังสูง (สีเหลือง) เดิมมี 25 จังหวัด ปรับเพิ่มเป็น 47 จังหวัด ส่วนพื้นที่นำร่องการท่องเที่ยว (สีฟ้า) จากเดิม 8 จังหวัด เพิ่มเป็น 10 จังหวัด คือ จ.เพชรบุรีและเชียงใหม่

 

ส่วนมาตรการป้องกันควบคุมโรค "ทุกพื้นที่" ยังคงให้ปิดสถานบริการ สถานบันเทิง และสถานบริการอื่นๆ ในลักษณะที่คล้ายกัน โดยขอให้ผู้ประกอบการปรับเป็นร้านอาหารที่ให้บริการได้ โดยใช้ Covid Free Setting แต่ห้ามดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านในพื้นที่สีส้ม ยกเว้นมีพื้นที่สีฟ้าอยู่ในจังหวัดจะอนุญาตเป็นบางพื้นที่เท่านั้น

ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้นำเสนอแผนและมาตรการบริหารจัดการสถานการณ์โควิด-19 เข้าสู่โรคประจำถิ่น เสนอต่อที่ประชุมฯ โดยสถานการณ์ขณะนี้อยู่ในระยะที่ยังต้องต่อสู้กับโรค และหากเป็นไปตามคาดการณ์วันที่ 1 ก.ค.นี้ อาจเห็นตัวเลขปรับลดลงไปได้ ซึ่งที่ประชุม ศบค.เห็นชอบแผนดังกล่าว แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้นด้วย รวมถึงความร่วมมือจากประชาชนทั้งประเทศ

 

อย่างไรก็ตามมีมาตรการทั้งหมด 4 ด้าน คือ ด้านสาธารณสุข ด้านการแพทย์ ด้านกฎหมายและสังคม และการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นแผนที่ต้องใช้ร่วมกันทั้งประเทศเพื่อให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน นอกจากนี้ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับประชาชนในการรับมือและปรับตัว

เป้าหมายที่ต้องได้คือ อัตราป่วยตายต้องไม่เกินร้อยละ 0.1 ถึงจะเป็นโรคประจำถิ่นได้ และวัคซีนเข็มกระตุ้น (เข็ม 3) ต้องครอบคลุมมากกว่าร้อยละ 60

ขณะที่ผลการให้บริการวัคซีนโควิด-19 พบว่า กลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไปที่มีประมาณ 12.7 ล้านคน ฉีดวัคซีนเข็มแรกไปแล้ว 10 ล้านคน เข็มที่ 2 จำนวน 10 ล้านคน ส่วนเข็ม 3 ฉีดเพียง 4.1 ล้านคน

ขณะนี้มีผู้สูงอายุอีกหลายล้านคนยังไม่ได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น เพราะฉะนั้นถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจทำให้ป่วยหนักหรือเสียชีวิต ขณะเดียวกันต้องเพิ่มการฉีดเข็มกระตุ้นให้กับเด็กด้วย

 

แท็กที่เกี่ยวข้อง:

ข่าวที่เกี่ยวข้อง