เริ่ม พ.ค.นี้ฉีด "ไฟเซอร์" เข็มกระตุ้นอายุ 12-17 ปีผ่านระบบการศึกษา

สังคม
17 เม.ย. 65
12:23
696
Logo Thai PBS
เริ่ม พ.ค.นี้ฉีด "ไฟเซอร์" เข็มกระตุ้นอายุ 12-17 ปีผ่านระบบการศึกษา
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
กรมควบคุมโรคเผยแผนฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น "ไฟเซอร์" กลุ่มอายุ 12-17 ปีที่มีสุขภาพแข็งแรง ผ่านระบบการศึกษา เริ่มฉีดช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้ ส่วนเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มให้เข้ารับการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานพยาบาล

วันนี้ (17 เม.ย.2565) นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า จากมติการประชุมคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ครั้งที่ 2/2565 แนะนำให้เด็กอายุ 12-17 ปีที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ครบ 2 เข็มแล้ว ให้เข้ารับวัคซีนไฟเซอร์ เป็นเข็มกระตุ้นเข็มที่ 3 และต้องมีระยะห่างจากเข็มที่ 2 เป็นเวลา 4-6 เดือนขึ้นไป เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกัน แม้ว่าเด็กที่ติดเชื้อส่วนใหญ่ไม่มีอาการหรืออาการน้อย แต่จำเป็นต้องฉีดวัคซีน โดยเฉพาะเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่ม เพื่อป้องกันอาการรุนแรงและเสียชีวิต

สำหรับการฉีดวัคซีนไฟเซอร์ ในกลุ่มเป้าหมายอายุ 12-17 ปี ที่มีสุขภาพแข็งแรง เป็นการฉีดเข็มกระตุ้นผ่านระบบการศึกษา เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดเทอมภาคการศึกษาที่ 1/2565 โดยบูรณาการความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากวัคซีนไฟเซอร์กระตุ้นภูมิคุ้มกันดี มีผลข้างเคียงน้อยลง และเป็นวัคซีนที่พร้อมใช้งานได้ทันที ไม่ต้องผสมน้ำเกลือก่อนฉีด สามารถเก็บในอุณหภูมิ 2-8 องศาเซลเซียส ได้นานขึ้นเป็น 10 สัปดาห์ หลังเปิดใช้แล้วต้องฉีดให้หมดภายใน 2-6 ชั่วโมง

สูตรการฉีดในกลุ่มเด็กอายุ 12-17 ปีจะฉีดคนละ 15 ไมโครกรัมต่อโดส โดยจะเริ่มฉีดพร้อมกันทั่วประเทศช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้

นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า กลุ่มเป้าหมายอื่นๆ ได้แก่ กลุ่มนักเรียนนอกระบบการศึกษา เช่น Home School การจัดการเรียนการสอนที่บ้าน กลุ่มเด็กที่มีโรคประจำตัว 7 กลุ่มโรค คือ 1.โรคอ้วน 2.โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 3.หัวใจและหลอดเลือด 4.ไตวายเรื้อรัง 5.มะเร็งและภูมิคุ้มกันต่ำ 6.เบาหวาน 7.โรคพันธุกรรม รวมทั้งกลุ่มอาการดาวน์ เด็กที่มีภาวะบกพร่องทางระบบประสาทรุนแรง และเด็กที่มีพัฒนาการช้า ให้เข้ารับการบริการฉีดวัคซีนผ่านระบบสถานพยาบาล

ทั้งนี้ หากผู้เข้ารับวัคซีนกลุ่มเป้าหมายอายุ 12-17 ปีมีเงื่อนไขเฉพาะ หรือมีข้อจำกัดในการรับวัคซีนตามแนวทางการฉีดวัคซีนที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แนะนำผ่านระบบการศึกษา ให้กลุ่มดังกล่าวเข้ารับวัคซีนผ่านระบบสถานพยาบาล โดยให้หน่วยบริการฉีดสามารถพิจารณาฉีดวัคซีนตามดุลพินิจของแพทย์ภายใต้หลักวิชาการ คำแนะนำจากบริษัทผู้ผลิต ความสมัครใจของผู้ปกครองและผู้รับวัคซีน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง