วันนี้ (20 เม.ย.2565) นายสกลธี ภัททิยกุล ผู้ลงสมัครเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กทม. หมายเลข 3 โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า "16 ปีที่อยู่ในการเมือง เข้าใจดีถึงความเป็นบุคคลสาธารณะของผม ดังนั้นการที่จะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากทั้งประชาชนและสื่อมวลชนเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก และก็ยอมรับ รับฟังเสมอมา เพราะในทุกสังคมก็มีทั้งคนที่ทั้งเข้าใจ และไม่เข้าใจในหลายสิ่งที่เราทำ
แต่ทั้งนี้การจะวิพากษ์วิจารณ์ ก็ต้องเป็นการติชมโดยสุจริต ไม่เป็นการด้อยค่า หรือด่าทอด้วยจิตใจที่มืดบอด อคติในตัวบุคคลที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์
ยิ่งเป็นสื่อมวลชนด้วยแล้ว จรรยาบรรณในการทำหน้าที่เป็นสิ่งสำคัญ หากไร้ซึ่งจรรยาบรรณของสื่อมวลชนรายนั้นๆ คิดอย่างไรพูดอย่างนั้น โดยไม่ผ่านการกลั่นกรองของสมอง ก็ไม่มีค่าพอที่จะเป็นสื่อมวลชน
นายสกลธี ระบุด้วยว่า สืบเนื่องจากรายการ Talking Thailand ซึ่งออกอากาศทางแฟนเพจของ Voice TV เมื่อวันที่ 24 มี.ค. และ 11 เม.ย. 2565 ซึ่งดำเนินรายการโดย นายวิโรจน์ อาลี น.ส.ลักขณา ปันวิชัย หรือ "คำผกา" ได้กล่าวถึงผม อุดมการณ์ทางการเมืองของผม รวมถึงสิ่งที่ผมได้เคยโพสต์ในอดีต ด้วยการด้อยค่าและถ้อยคำหยาบคาย เกินกว่าหน้าที่ของสื่อมวลชนจะติชมหรือวิพากษ์วิจารณ์โดยสุจริต
และเป็นที่เชื่อได้ว่า อาจทำให้ผมถูกเกลียดชังจากบุคคล ที่ได้รับชมรายการและไม่ทราบเรื่องที่มาที่ไปทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างที่ผมอยู่ในช่วงหาเสียงลงเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ กรุงเทพฯ ผมจึงขอใช้สิทธิ์ทางกฎหมายมอบให้ทนายความไปฟ้องดำเนินคดีบุคคลทั้ง 2 คนรวมถึงบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป
ส่วนตัวไม่เคยรู้จักบุคคลทั้ง 2 คนมาก่อน และอยากจะฝากถึงทั้ง 2 คนและผู้เกี่ยวข้องกับรายการดังกล่าว รวมถึงคนที่รับชมรายการว่าผมไม่เคยปิดบังหรือปฏิเสธตัวตนและอุดมการณ์ที่ผ่านมา ผมเชื่อมั่นในสิ่งที่ต่อสู้ร่วมกับคนอีกหลายล้านคนในช่วงเวลานั้น แม้เวลาจะผ่านมาแล้วกว่า 8 ปี ผมผ่านการต่อสู้กับคดีความที่ติดตัวมาจนศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยกฟ้องในทุกข้อกล่าวหา
แต่กลับกันนั้นในสิ่งที่ผมออกมาต่อสู้ด้วย ศาลกลับพิพากษาว่ามีความผิดหลายคดีต่างกรรมต่างวาระและต่างบุคคล รวมถึงมีการสรุปความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวแล้วกว่า 500,000 ล้านบาทและฟ้องร้องเป็นคดีกว่า 1,000 คดี
นายสกลธี ระบุอีกว่า ผมได้มอบหมายให้ทนายความไปยื่นฟ้องต่อบุคคลทั้ง 2 คน ที่ศาลอาญาในวันศุกร์ ที่ 22 เม.ย.นี้