น้ำป่าจากเทือกเขาไหลหลากเข้าท่วม ภายในบ้านของ นายชูศักดิ์ เพชรศรี ชาวบ้านคลองใส ต.ตะกุกใต้ อ.วิภาวดี จ.สุราษฎร์ธานี ทำให้ทรัพย์สินเสียหายเกือบทั้งหมด เหลือเพียงเครื่องตัดหญ้า และรองเท้าบางส่วนเท่านั้นที่พอจะหยิบหนีออกมาได้ทัน
นอกจากบ้านของนายชูศักดิ์ ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุน้ำป่าไหลหลากแล้ว นายสมพร อินทรมณี กำนันตำบลตะกุกใต้ ระบุว่า ตอนนี้มีชาวบ้านที่บ้านพังเสียหายทั้งหลังประมาณ 14 ครัวเรือน และบางส่วนอีกกว่า 20 ครัวเรือนต้องอาศัยบ้านญาติเป็นการชั่วคราว
ทำให้หลายครอบครัวขาดแคลนเรื่องเสื้อผ้า อุปกรณ์การประกอบอาหาร และของใช้ที่จำเป็น หากใครอยากจะช่วยเหลือก็สามารถลงไปเยี่ยมและบริจาคเสื้อผ้าได้เพราะหลายครอบครัวไม่มีเสื้อผ้าเหลือเลย ด้านเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะดำเนินการช่วยฟื้นฟูให้ชาวบ้านได้กลับมาใช้ชีวิตปกติอีกครั้งให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้น้ำป่าไหลหลากยังส่งผลให้คอสะพานท่าไม้แดงในพื้นที่ หมู่ 3 ต.ปากหมาก อ.ไชยา พังเสียหาย ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย หน่วยพัฒนาเคลื่อนที่ 46 สำนักพัฒนาภาค 4 ต้องนำรถสะพานไปเชื่อมต่อสะพานที่ชำรุด เพื่อให้ชาวบ้านใช้เดินทางเป็นการชั่วคราว เพราะสะพานแห่งนี้ เป็นเส้นทางสัญจรไปมา และการขนส่งสินค้าทางการเกษตร
ด้าน ปภ.จังหวัดสุราษฎร์ธานี ได้สรุปสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากช่วง 3 วันที่ผ่านมา พบมีพื้นที่ประสบภัย 3 อำเภอ คือ อ.วิภาวดี, อ.ไชยา และ อ.ท่าฉาง มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน 1,065 คน และเสียชีวิต 1 คน
ส่วนที่ ต.ทับปริก อ.เมืองกระบี่ เจ้าหน้าที่ อบต.ทับปริก ต้องตรวจสอบปริมาณน้ำในคลองทับปริกแห่งนี้ หลังจากมีฝนตกหนักต่อ ทำให้ปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นและมีสีขุ่นดินโคลนแต่ระดับน้ำยังอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่พร้อมแจ้งเตือนประชาชนให้เฝ้าระวังอันตรายจากฝนตกหนัก และน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่รอบเทือกเขาพนมเบญจา เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยที่เคยเกิดเหตุน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มมาแล้วหลายครั้ง
ด้านเจ้าท่าภูมิภาคสาขากระบี่ ออกประกาศแจ้งเตือนเรือทุกประเภท โดยเฉพาะเรือขนาดเล็ก ให้เพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเตรียมพร้อมอุปกรณ์ช่วยชีวิตเสื้อชูชีพ รวมถึงงดออกจากฝั่งเนื่องจากทะเลมีคลื่นลมแรงอิทธิพลจาก "พายุไซโคลน" บริเวณอ่าวเบงกอลตอนบน โดยภาคใต้ ต้องระวังเรื่องฝนตกหนักและคลื่นลมแรงไปจนถึงวันพรุ่งนี้ (10 พ.ค.2565)