2 เดือนแจ้ง 2 หมื่นคดีคอลเซ็นเตอร์-ออนไลน์เสียหาย 1.5 พันล้าน

อาชญากรรม
12 พ.ค. 65
17:19
329
Logo Thai PBS
2 เดือนแจ้ง 2 หมื่นคดีคอลเซ็นเตอร์-ออนไลน์เสียหาย 1.5 พันล้าน
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
พล.ต.อ.สุวัฒน์ ถกแก้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมออนไลน์ เผยสถิติ 2 เดือน มีผู้เสียหายแจ้งความมากกว่า 20,000 คดี มูลค่าเสียหายกว่า 1,500 ล้านบาท คาด ธปท.เร่งออกเกณฑ์แก้บัญชีม้า รวมทั้งปรับระบบการลงทะเบียนผ่านมือถือ

วันนี้ (12 พ.ค.2565)  พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ 1 มี.ค.- 30 เม.ย.ที่ผ่านมา พบสถิติการร้องทุกข์แจ้งความแก๊งคอลเซ็นเตอร์และอาชญากรรมทางออนไลน์เฉลี่ยวันละ 300 คดี ยอดรวม 20,400 คดี ในจำนวนนี้มีคดีที่มีความเชื่อมโยงกัน 3,285 คดี รวมมูลค่าความเสียหายเกิดขึ้นกว่า 1,500 ล้านบาท

ขณะที่ผู้เสียหายส่วนใหญ่ พบว่าถูกหลอกลวงด้านการเงิน ในกรณีความเสียหายที่เกิดขึ้นตำรวจสืบสวนพบบัญชีเกี่ยวข้องการกระทำความผิด และได้ขออายัดเงินไปแล้ว 6,405 บัญชี มียอดเงินรวม 1,229 ล้านบาท ขณะนี้พบว่าสามารถอายัดเงินไว้ได้ 62,517,510 บาท

ธปท.เตรียมออกเกณฑ์แก้บัญชีม้า 

พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า ผลการหารือแนวทางแก้ไขเบื้องต้น ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะออกหลักเกณฑ์เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาบัญชีม้า โดยกำหนดจำนวนบัญชีที่สามารถเปิดได้ การอายัดแบบจำกัดวงเงิน การจัดทำฐานข้อมูลกลาง เพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลบัญชีม้า ระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพิ่มประสิทธิภาพในการอายัดเงินต่างบัญชีธนาคาร และระงับบัญชีม้าด้วยหมายเลขบัตรประชาชน หมายเลขโทรศัพท์ นอกจากนี้ ออกประกาศให้ธนาคารจัดทำช่องทางให้ประชาชน สามารถอายัดเงินได้เองผ่านแอปพลิเคชันของธนาคาร และเชิญคู่กรณีไกล่เกลี่ยภายใน 3 วัน

ส่วนปปง.จะยึดอายัดทรัพย์สิน เงินดิจิตอล, ติดตามเส้นทางการเงินที่เข้าข่ายเป็นความผิดมูลฐานอย่างรวดเร็ว และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ

รวมทั้งการออกประกาศ โดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ห (ก.ล.ต.) เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการดำเนินคดีกับผู้ค้าขายเหรียญแบบ peer-to-peer และการวางแนวทางในการยึดเหรียญคริปโตเคอร์เรนซี่จากผู้กระทำความผิด

ขณะที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมกับ กสทช.จะสนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อแก้ไขปัญหาด้วยการสร้างกลไก ระบุตัวตนตามตามกฎหมาย โดยกำหนดหากผู้ใช้บริการเปิดซิม เกิน 5 เบอร์ ต้องแสดงตัวพร้อมยืนยันตัวตนกับผู้ให้บริการ

รวมทั้งแก้ปัญหาการส่งข้อความโฆษณา หรือการปลอมเบอร์โทรศัพท์ ด้วยการโทรผ่านอินเตอร์เน็ต จะมีการบังคับให้แสดงเป็นเลขศูนย์ทั้งหมดหรือไม่ ต้องแสดงหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อให้ง่ายต่อการสังเกตของประชาชน

 

พร้อมกับระงับเส้นทางการเชื่อมต่อกับตัวแทนเครือข่ายที่ไม่ได้รับความร่วมมือในการระบุตัวตนผู้กระทำผิดจัดทำฐานข้อมูลกลาง เพื่อให้สามารถตรวจสอบชื่อผู้ลงทะเบียนซิมโทรศัพท์และประวัติการรับส่งข้อความสั้นย้อนหลัง เพื่อให้ช่วยในการระบุตัวตนผู้กระทำผิด การแจ้งเตือนและเสริมภูมิคุ้มกันให้กับประชาชนผ่านแอปฯธนาคาร แอปฯเป๋าตัง และข้อความสั้นจากผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่

ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติว่า อย่าหลงเชื่อการข่มขู่ หรือเชิญชวนลงทุนต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่น โดยง่าย และหากตกเป็นผู้เสียหายขอให้รีบแจ้งความที่สายด่วน 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือแจ้งความออนไลน์ได้ที่ www.thaipoliceonline.com

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง