หลังการเปิดเทอมแบบ On-Site ทำให้เด็กนักเรียนติดเชื้อมากขึ้น และนำเชื้อกลับไปแพร่ในบ้าน บางครอบครัวเด็กอาศัยอยู่กับผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงอาการหนัก
ครอบครัวหนึ่งใน กทม.มีสมาชิก 9 คน ได้แก่ พ่อ แม่, ลูก 3 คน อายุ 3 ขวบ, 6 ขวบ และ 9 ขวบ ในบ้าน มีผู้สูงอายุอีก 4 คน ซึ่งบางคนมีโรคประจำตัว ไขมันในเลือด ความดันโลหิตสูง และเป็นครอบครัวที่ติดเชื้อโควิด-19 เกือบทั้งบ้าน
คนในครอบครัวคาดว่า ลูกชายคนกลาง อายุ 6 ขวบ ติดเชื้อเป็นคนแรก ซึ่งน่าจะติดมาจากโรงเรียน เมื่อกลับมาบ้าน ลูกชายคนโต พ่อ แม่ ตา 2 คน และ ยายอีกคน ติดเชื้อรวม 7 คน จากทั้งหมด 9 คน ยกเว้น เด็กชายวัย 3 ขวบ ลูกคนเล็กของบ้าน กับยายอีกคน ยังไม่ติดเชื้อ
ทั้งนี้ พ่อและลูกชาย 2 คนที่ติดเชื้อ แยกไปรักษาที่โรงพยาบาล ส่วนผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว ได้รับยาโมลนูพิราเวียร์แล้ว
คลัสเตอร์ รร.บุญวาทย์ฯ ครูรวมกลุ่มหล่อเทียน
ขณะเดียวกันเริ่มมีรายงานการติดเชื้อในโรงเรียนในบางพื้นที่ อย่างโรงเรียนบุญวาทย์วิทยาลัย จ.ลำปาง ที่พบผู้ติดเชื้อ จนต้องกลับไปเรียนออนไลน์ 3 วัน ผลการสอบสวนโรค พบว่า เริ่มจากครูรวมกลุ่มทำกิจกรรมหล่อเทียนพรรษา ทำให้ครูติดเชื้อ 20 คน และต่อมา นักเรียนติดเชื้อ 105 คน
รร.สารคามพิทยาเข้มงวดสวมหน้ากาก
หลายโรงเรียนยกระดับการป้องกันมากขึ้น แต่ยังเรียน On-Site อย่างนักเรียนโรงเรียนอนุบาลกิติยา เทศบาลเมืองมหาสารคาม ยังคงสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา
ขณะที่นักเรียนโรงเรียนสารคามพิทยาคม ซึ่งมีนักเรียนเกือบ 4,000 คน มีครูและนักเรียนติดเชื้อแล้ว 20 คน ทำให้โรงเรียนต้องมีแผนเผชิญเหตุ หากในห้องเรียนติดเชื้อ 1 คน ให้ผู้ติดเชื้อหยุดเรียน แต่หากติดเชื้อเป็นกลุ่มเกินร้อยละ 10 อาจจะกลับไปเรียนออนไลน์แทน แต่จะไม่ปิดโรงเรียนทั้งหมด
ผู้ปกครองท้วงบางโรงเรียนต้องใช้ใบรับรองแพทย์
มีข้อสังเกตถึงปัญหาหนึ่งที่ผู้ปกครอง และนักเรียนพบ คือนักเรียนติดโควิด-19 เมื่อกักตัวรักษาจนครบกำหนดแล้ว บางโรงเรียนกำหนดให้ต้องแสดงใบรับรองแพทย์ จึงจะกลับเข้าเรียนได้ตามปกติ ทำให้นักเรียนต้องเสียเงินค่าตรวจ RT-PCR และใบรับรองแพทย์หลายร้อย ถึงหลักพันบาท
ทั้งนี้ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ ยืนยันว่า การกลับเข้าเรียนที่โรงเรียนสามารถนำผลตรวจ ATK ที่เป็นลบ หรือ ไม่ติดเชื้อแล้ว มาแสดงได้ ไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ และยังประสานความร่วมมือให้มีการฉีดวัคซีน ให้ครูและนักเรียนด้วย