วันนี้ (12 ก.ค.2565) ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และ รมว.กลาโหม รับชมการนำเสนอผลการขับเคลื่อนการขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัยอย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงของกระทรวงมหาดไทย
นายกฯ กล่าวว่า เป็นนโยบายแก้ปัญหาความยากจนของรัฐบาล ขอให้สื่อมวลชนช่วยประชาสัมพันธ์ซึ่งต้องทำต่อเนื่อง ไม่ใช่แก้ครั้งเดียวแล้วจะจบเลย ต้องทำไปทีละขั้น ให้อยู่รอดปลอดภัย พอเพียง ยั่งยืน
ดังนั้นการจะมีความพอเพียงใช้ชีวิตที่ยั่งยืนต้องมีเงินเพียงพอ ต้องเข้าถึงการบริการภาครัฐ ทั้งการขายออนไลน์ รวมถึงการศึกษา ทำอย่างไรจะให้ดีขึ้น
วันนี้เป็นการนำร่อง 5 จังหวัด ซึ่งก็ทำทุกจังหวัดรวมถึง กทม.หากแก้ปัญหาแบบเดิมโดยการให้สงเคราะห์ประชาชนก็จะอยู่แบบนี้ไปเรื่อย ๆ ไม่มีทางดีขึ้น ดังนั้นการแก้ความยากจนก็จะเสริมในสิ่งที่รัฐบาลทำมาตลอด
เป็นสิ่งที่มองตั้งแต่เข้ามาบริหารประเทศว่าทำอย่างไร ให้พ้นจากการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง เพื่อเอาเงินมาดูแลคนเหล่านี้ ถ้าไม่หาก็ไม่มีงบประมาณเพียงพอ คนก็ไม่มีโอกาสมีรายได้เพิ่ม
ดังนั้น จึงมีการคิดนโยบาย 3 แกนหลัก ทั้งการเงินการธนาคาร อุตสาหกรรมใหม่ และโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งนายกฯคิดและทำมาตลอด ถ้ามองด้วยความเป็นธรรมจะเห็นว่ามีความก้าวหน้าไปมากและช่วงเวลา 6 - 7 ปีที่ผ่านมาก็ต้องทำต่อเนื่อง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวว่า สำหรับจำนวนยอดคนจนของ 5 จังหวัดนำร่อง ก็เป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากลงพื้นที่สำรวจจริง ซึ่งบางครั้งคนเหล่านี้อาจออกจากภูมิลำเนาไปอยู่ที่อื่นก็จะเป็นข้อมูลของที่อื่น
นอกจากนั้นก็เป็นเรื่องการบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอต่อการเกษตรในการใช้น้ำใต้ดิน-บนดิน วันนี้ต้องเดินหน้าสู่การแก้ปัญหาพลังงาน เพราะเห็นแล้วว่า ปัญหามีมากทำให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง ซึ่งจะต้องร่วมมือทั้งภาครัฐและเอกชน
พร้อมกันนี้นายกฯยังขอบคุณทุกคนโดยระบุว่า นี่คือประเทศไทยของเรา อยู่กันแบบนี้ ช่วยกัน เดี๋ยวก็ไปได้ แก้ปัญหาได้ ดีกว่าจะสร้างความขัดแย้งซึ่งแก้อะไรไม่ได้ ก็ขอฝากไว้ด้วย สิ่งที่ให้นโยบายไปก็กังวลว่าจะทำได้อย่างที่คิดหรือไม่ แต่ก็ถือว่าประสบความสำเร็จในระยะแรก ไม่ใช่ทำครั้งเดียวแล้วเลิก อะไรที่ทำไว้แล้วก็จะต้องเดินต่อเห็นแล้วน่าสงสารบางคนไม่มีทางออก วันนี้หลายกระทรวงลงไปช่วยไม่ใช่เฉพาะกระทรวงมหาดไทย ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรีบอกด้วยว่าสิ่งดี ๆ เกิดขึ้นเยอะแล้ว อย่ามัวทะเลาะกันอยู่