วันนี้ (21 ก.ค.2565) การประชุมสภา อภิปรายไม่ไว้วางใจวันที่ 3 ที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุม ได้สรุปถึงการอภิปรายในช่วง 2 วันว่า ใช้เวลาอภิปรายไม่ไว้วางใจ 30.9 ชั่วโมง แบ่งเป็นคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใช้เวลา 6.20 ชั่วโมง พรรคร่วมรัฐบาล 49.30 นาที พรรคร่วมฝ่ายค้านได้ 45 ชั่วโมงใช้เวลาไปแล้ว 21 ชั่วโมงเศษ
ต่อมาเวลา 08.40 น.นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ ประเดิมอภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนแรกของวัน ระบุขอให้นายกรัฐมนตรี รีบเดินทางมาสภาโดยด่วน เพื่อมาจดประเด็นและจะได้ตอบได้ทันท่วงที
กางตัวเลขเงินกู้ติดลบ-เศรษฐกิจพัง
จากนั้นเริ่มอภิปรายประเด็นเศรษฐกิจพบว่า สถานะทางการเงินของประเทศ ทุนสำรองระหว่างประเทศ หนี้ตราสารหนี้ที่ขายออกมา 8,855,007 -10,493,685 ล้านบาท เท่ากับติดลบ 1,638,677 ล้านบาท ส่วนจีดีพี 16.77 ล้านบาท ในปี 2563-2564 น้อยอยู่แล้วแต่ปี 2565 เริ่มกระเตื้องขึ้นจากการกู้เงิน
หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ กล่าวถึงการจัดสรรงบประมาณ 4 ปีย้อนหลังพบว่าตั้งแต่ปี 2563 ขาดดุล 800,000 ล้านบาท ปี 2564 ขาดดุล 916,000 ล้านบาท และปี 2565 แค่ครึ่งปีขาดดุลแล้ว 700,000 ล้านบาท แต่คาดว่าน่าจะขาดดุลถึง 850,000 ล้านบาท
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ออกพ.ร.ก. 5 ฉบับโดยเป็น พ.ร.ก.กู้เงินสด 2 ฉบับ ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังวงเงิน 1 ล้านล้านบาทเพื่อเยียวยาโควิดเศรษฐกิจใช้เงินหมดแล้ว และยังมีการกู้เงินชนเพดานอีก 5 แสนล้านบาทใช้หมดแล้ว
นอกจากนี้ยังกล่าวถึงปัญหาการขึ้นราคาน้ำมันที่ส่งผลกระทบกับชาวบ้าน 66.19 ล้านคนที่เดือดร้อน ค่าไฟขึ้นราคา ไม่ว่าจะเป็นคนหาเช้ากินค่ำ
คน 66.19 ล้านคนเดือดร้อน ยกเว้นนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และนายพล ขรก.ระดับ 9-11 โดยเฉพาะนายกฯ มีสวัสดิการมากกว่า น้ำมันฟรีคนขับรถ ค่าบ้านหลวง น้ำไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าพลทหารทำความสะอาดบ้าน ขัดรองเท้า ตัดหญ้า
ย้อนถามปมเครื่องบินเมียนมารุกล้ำแดนไทย
นอกจากนี้ ทั้งนี้ยังได้วิพากษ์กรณีเมียนมาขับเครื่องบินรบลุกล้ำชายแดนไทยในพื้นที่อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งชาวบ้านที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ และชาวกะเหรี่ยงกับไทยเป็นพี่น้องกัน เคยร่วมรบกับไทย มาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวร
นายกฯ กลับสนิทกับ พล.อ.อาวุโสมีนอองหล่าย หรือเพราะว่าสปีชร์เดียวกันยึดอำนาจมาเหมือนกัน อยากถามว่าเมื่อ 453 ปี ก่อนนายกฯ เป็นลูกหลานพระยาจักรีมาเกิดหรือไม่ เพราะอดีตเคยเปิดประตูให้เมียนมาตีไทย และเสียกรุงครั้งแรก
ขอบิณฑบาตนายกฯ ลาออกจากตำแหน่ง
นายมงคลกิตติ์ อภิปรายว่า นายกรัฐมนตรี เป็นนายกฯ มา 7 ปี 10 เดือน 27 วัน และได้พิสูจน์แล้วว่าอยู่ไปก็ไม่ได้เกิดประโยชน์กับคนไทย จึงอยากให้ท่านยอมรับแก้ปัญหาไมได้ อยากให้ปล่อย ประเทศไทย และคนไทย เพราะอยู่ไป หาวิธีฉลาดหาเงินกำไรมาดูแลประชาชนไม่ได้ แต่ถ้าวิธีการขายชาติหาเงินมาพยุงอำนาจของตัวเอง
พร้อมกันนี้ นายมงคลกิตติ์ ได้นำพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร ขึ้นมาโชว์กลางสภา พร้อมระบุว่า ในฐานะส.ส.ที่ประชาชนเลือกมา และไม่ซื้อเสียง
ขอพูดแทนคนไทย 60 ล้านคน ขอบิณฑบาต พล.อ.ประยุทธ์ ให้ปลดปล่อยประเทศไทย ประชาชนไทย ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะ 8 ปี 2 เดือนแล้วอยู่ไปไม่เกิดประโยชน์ ขอบิณฑบาต
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง
“ผมต้องรับผิดชอบ ผมเป็นคนทำ" นายกฯ ยกมือรับปฏิวัติเอง