"พิธา" ชี้ "3 แกนกลวง" ไม่ไว้วางใจนายกฯ ทำลายศักยภาพประเทศ-คนไทย

การเมือง
22 ก.ค. 65
17:07
463
Logo Thai PBS
"พิธา" ชี้ "3 แกนกลวง" ไม่ไว้วางใจนายกฯ ทำลายศักยภาพประเทศ-คนไทย
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ ชี้ 3 แกนกลวง โครงสร้างพื้นฐานทับซ้อน-ไม่คืบหน้า, ยังไม่ใกล้ EV เป็นหนึ่งในภูมิภาค, SME เข้าถึงสินเชื่อติดลบ อีกทั้งยังทำลายศักยภาพของประเทศและคนไทย

วันนี้ (22 ก.ค.2565) เวลา 15.40 น. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.พรรคก้าวไกล อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ถ้าดูจากการชี้แจงในช่วง 4 วันที่ผ่านมา สรุปได้ว่า "พอกันที 8 ปี ที่ทำให้คนไทยมืดแปดด้าน"

มืดไปแล้ว 3 ด้าน คือ การแถลงแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยของนายกฯ ที่ผ่านมา กับยุทธศาสตร์ 3 แกนแห่งอนาคต เป็นเหมือนเรื่องซ้ำ ๆ ที่จะขอเวลาอรก 2 ปี ขอให้ออกดอกผลความสำเร็จ แต่ไม่ได้บอกว่าจะอยู่ต่ออีก 2 ปี จึงอยากให้นายกฯ พูดตรง ๆ ว่า พอแล้ว จะไม่สืบทอดอำนาจ ไม่คิดถึงตัวเอง และคิดถึงประชาชนเป็นหลักใช่หรือไม่

3 แกน คือ 3 กลวง ตั้งแต่คนที่รวยที่สุดไปถึงคนที่จนที่สุด เพราะทุกคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่รู้ว่านายกฯ พูดอะไรอยู่ ไม่มีสาระ ไว้วางใจไม่ได้

นายพิธา อภิปรายแกนกลวงที่ 1 ไว้วางใจไม่ได้สิ่งแรก คือ โครงสร้างพื้นฐานของประเทศที่ระบุว่าใกล้เสร็จแล้ว ยกตัวอย่างการตรวจสอบสัญญา 3 สนามบิน ประมูล 3 ปี ความคืบหน้าเท่ากับ 0% รถไฟไทยจีนสร้างมา 5 ปี คืบหน้า 4.6% ท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 (ท่าเทียบเรือ F) สร้างมาแล้ว 1 ปี คืบ 5% ทุกคนบอกว่าเป็นวิกฤต ซึ่งคำว่าใกล้เสร็จของนายกฯ กับนักลงทุน เห็นชัดเจนว่าย้อนแย้ง ไม่เป็นความจริง

นอกจากนี้ นายพิธา ยังเห็นว่าโครงการมีความทับซ้อน ทั้งมอเตอร์เวย์ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วสูง เส้นทางเดียวกัน แย่งลูกค้ากันเอง แต่ประชาชนเสียทั้งขึ้นทั้งร่อง เพราะใช้งบฯ 5.8 ล้านล้านบาท และต้องเสียค่าบำรุง แต่ไม่มีคนใช้ ทำให้นึกถึงตอมอโฮปเวลล์


แกนกลวงที่ 2 คือ ความมั่วของอุตสาหกรรม EV ที่นายกฯ บอกว่าจะให้ไทยเป็นที่ 1 ในภูมิภาค ขณะที่เวียดนาม บริษัท Vinfast ได้กู้เงิน 1.5 แสนล้าน เปิดอีก 6 โชว์รูมในสหรัฐฯ ส่วน NETA ของ ปตท. กลับขอเลื่อนเปิดตัวอีก 1 เดือน เพราะมีปัญหาการผลิต

แกนกลวงที่ 3 คือ การเข้าถึงแหล่งเงินทุน แต่พบว่า ธุรกิจ SME เข้าถึงสินเชื่อติดลบมาตั้งแต่ปี 2561 ก่อนมีสถานการณ์ COVID-19

นายพิธา กล่าวว่า สิ่งสำคัญที่ไว้วางใจไม่ได้ คือ ความห่างเหินของนายกฯ กับประชาชน ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนที่สุดในรอบ 16 ปี ค่าปุ๋ยแพงที่สุด หนี้สาธารณะสูงที่สุด และราคาอาหารสูงที่สุด แต่นายกฯ ไม่ได้บอกทางออกของปัญหาดังกล่าวให้กับประชาชน

3 แกนแก่นแท้ของนายกฯ คือ ตัวทำลาย ทำลายศักยภาพของประเทศ ทำลายของประเทศไทยในต่างประเทศ และทำลายศักยภาพของพี่น้องประชาชน

 

นายพิธา กล่าวว่า ในประเด็นเรื่องของการเกษตร นายกฯ ต้องเลิกวิธีเมื่อคิดอะไรไม่ออกแล้วโทษจำนำข้าว เพราะตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ก็ใช้งบฯ อย่างสุรุ่ยสุร่าย 2.5 แสนล้านบาท ในการประกันและจำนำสินค้าการเกษตร วันแรกที่บอกว่าราคาสินค้าเกษตรดีขึ้น ก็แน่นอนอยู่แล้วเพราะค่าเงินบาทอ่อน ส่วนเรื่องพลังงาน กองทุนน้ำมันบริหารมาถึงทางตัน รัฐบาลจะนำเงินจากที่ใดมาใช้ไม่ให้เกิดการลอยตัว

สิ่งทำลายศักยภาพของประเทศอีก 1 เรื่อง คือ ทุจริต ความมีพิรุธ ไม่สามารถแสดงความสุจริตให้เป็นที่ประจักษ์, แกนที่ 2 ทำลายศักยภาพของไทยในต่างประเทศ ซึ่งผู้นำต้องเก่ง มีไพ่หลายใบในการเจรจาเพื่อประโยชน์คนไทย แต่การที่นายกฯ ได้รับเชิญไปต่างประเทศนั้น เป็นระเบียบการทูต

นายพิธา ยังยกตัวอย่างวิกฤตเมียนมา หากดำเนินการได้ดี วิกฤตจะกลายเป็นโอกาส แต่นายกฯ ทำให้วิกฤตเป็นหายนะ เพราะเป็นเพื่อนบ้านที่มีความสำคัญในภาคแรงงาน และการลงทุน ซึ่งนายกฯ บริหารจัดการโดยคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในเมียนมาเป็นเรื่องภายใน และไทยไม่เกี่ยวข้อง ถือเป็นความผิดพลาดในการบริหารประเทศ โดยสหประชาชาติกำลังตรวจสอบเมียนมาว่าเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติหรือไม่ อีกทั้งยังพบกรณีปล่อยให้เครื่องบินรบเมียนมามาใช้น่านฟ้าของไทย เพื่อทำความผิดระหว่างประเทศ

นายพิธา กล่าวปิดท้ายว่า แกนที่ 3 นายกฯ ทำลายความหวังและศักยภาพของประชาชนในประเทศ ว่า นายกฯ ต้องริเริ่มในการแก้ ม.112 รวมทั้งกรณีละเมิดสิทธิส่วนบุคคลด้วยการใช้สปายแวร์ เพกาซัส สอดแนม และพบดัชนีความสิ้นหวังของคนไทย โดยมีผู้เสียชีวิตจากความสิ้นหวัง 1.8 หมื่นคน เพิ่มขึ้น 34% ในช่วงการบริหารของรัฐบาลประยุทธ์

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง