เปิดใจครั้งแรก "เสี่ยบี-ภรรยา" เจ้าของผับเมาน์เทน บี

อาชญากรรม
9 ส.ค. 65
17:11
3,690
Logo Thai PBS
เปิดใจครั้งแรก "เสี่ยบี-ภรรยา" เจ้าของผับเมาน์เทน บี
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
เปิดใจครั้งแรก "เสี่ยบี" เจ้าของผับเมาน์เทน บี และภรรยา หลังเหตุเพลิงไหม้เสียชีวิต 15 คน เผยเครียดหนัก-เสียใจกับเหตุการณ์ จะพยายามอย่างถึงที่สุดเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสีย-บาดเจ็บ แต่ยังตอบตัวเลขแน่ชัดไม่ได้ ยืนยันทำธุรกิจด้วยตัวเอง ไม่ใช่นอมินีใคร

วันนี้ (9 ส.ค.2565) นายพงษ์ศิริ ปั้นประสงค์ หรือเสี่ยบี เจ้าของผับเมาน์เทน บี พร้อมนางอนงค์นารถ ปั้นประสงค์ หรือเฟิร์น ภรรยา และทนายความ แถลงเปิดใจครั้งแรก หลังทำบุญใหญ่ไว้อาลัยผู้เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ 15 คน

นายพงษ์ศิริ : ขณะนี้ได้เยียวยาเบื้องต้นแล้ว

ภรรยานายพงษ์ศิริ : ปกติสามีเป็นคนที่ไม่ค่อยพูด แต่เจอเหตุการณ์แบบนี้ก็คิดว่าหนักมาก เครียด ไม่เคยคิดว่าจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น เบื้องต้นวันที่เกิดเหตุหลังจากเคลียร์พนักงานเสร็จแล้ว จะไปโรงพัก ก็รู้สึกว่าเครียดจนไม่อยากอยู่แล้ว ถ้าวันนั้นตายได้แล้วจบน่าจะดีกว่านี้ เครียดมาก เขาบอกว่าเรารับสภาพตรงนี้ไม่ได้หรอก เขาชวนหนูฆ่าตัวตาย ความคิดนี้เกิดทันทีที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ เหตุการณ์หนักหนามาก เพราะสามีอายุ 27 ปี ตนเองอายุ 30 ปี

ภรรยานายพงษ์ศิริ : ร้านเพิ่งเปิดได้ 2 เดือน ที่ผ่านมาระบบทุกอย่าง ทั้งความปลอดภัยเมื่อคนมาเที่ยว การ์ด และมีช่างตรวจเช็ก ซึ่งปกติตนเองจะอยู่ในร้านทุกวันตั้งแต่ก่อนร้านจะเปิด ส่วนพนักงานจะตรวจเช็กจุดที่ประจำอยู่แล้ว แต่วันนั้นตนเองไม่ได้เข้าไป

ภรรยานายพงษ์ศิริ : ก่อนวันเกิดเหตุได้รับแจ้งจากกัปตันร้าน ว่า ไฟที่วิ่งบนเพดานตกลงมาใส่ลูกค้า เบื้องต้นจึงแจ้งให้พาลูกค้าไปหาหมอและรับผิดชอบค่าใช้จ่าย จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งช่างให้มาตรวจสอบ รวมทั้งโทรศัพท์ไปหาช่างที่ติดตั้ง ในระหว่างซ่อมแซมก็ยืนดูอยู่ สักพักช่วงค่ำช่างก็เดินมาบอกว่าเสร็จแล้ว

ภรรยานายพงษ์ศิริ : ระหว่างที่คบกันทำธุรกิจอย่างอื่น เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านชาบู ขายเสื้อผ้า ขายหมู เก็บเงินมาสร้างผับ เป็นเงินหมุน ไม่ใช่การใช้เงินคนอื่น หรือมีใครมาออกทุนให้ ซึ่งได้ปรึกษาพ่อของสามีตอนเริ่มทำร้านอาหาร จากนั้นช่วง COVID-19 ได้สร้างเมาน์เทนแรก พบว่า ชาวบ้านไม่พอใจและร้องเรียนกรณีเสียงดัง จึงคิดว่าต้องมีอีกแห่งเป็นร้านอาหารที่เก็บเสียง จึงขอเช่าที่เปิดอีกแห่ง เบื้องต้นยังไม่ได้ศึกษาข้อกฎหมาย คิดแค่ว่าจดทะเบียนเป็นร้านอาหารและเปิดร้านอาหาร พร้อมทั้งต่อเติมไปเรื่อย ๆ เพราะถูกร้องเรียนเรื่องเสียง แต่ไม่ได้แจ้งขออนุญาตเจ้าหน้าที่ โดยเป็นร้านอาหาร มีดนตรีสด และขายสุรา

ผู้สื่อข่าวถามว่า วันที่ช่างมาซ่อมไฟแล้วได้ซ่อมอะไรเพิ่มเติมหรือไม่ ภรรยานายพงษ์ศิริ ระบุว่า ไม่ได้ซ่อมอะไรเพิ่ม ก่อนหน้านี้มีช่างมาซ่อมและล้างแอร์ปกติ ขณะที่นายพงษ์ศิริ ยืนยันว่าเปิดร้านเองโดยตรง และบริหารจัดการร้านด้วยตัวเอง ไม่ได้เป็นนอมินีใคร

ภรรยานายพงษ์ศิริ : ขณะนี้ทุนยังไม่ได้ ไม่มีกำไร เพราะค่าใช้จ่ายค่อนข้างเยอะ ก่อนหน้าที่จะมาเช่าที่ มีร้านมาเปิดอยู่แล้ว 2-3 เจ้าของ แต่ช่วง COVID-19 เขาไปต่อไม่ไหว ส่วนตัวเห็นว่าทำเลดี จึงขอเช่าที่ต่อ และมีลูกค้าเข้ามาเยอะ โดยได้มาทำบุญ แต่รอบหลังที่มาเปิดเป็นผับ ยังรอเคลียร์หลาย ๆ เรื่อง และจะนิมนต์พระมาสัปดาห์หน้า แต่เกิดเหตุเสียก่อน

ส่วนกรณีหนึ่งในผู้เสียชีวิตอายุต่ำกว่า 20 ปีนั้น ภรรยานายพงษ์ศิริ ระบุว่า ไม่ทราบว่ามีผู้อายุต่ำกว่า 20 ปีเข้าไปใช้บริการ เพราะโดยปกติจะให้การ์ดคัดกรองด้วยการตรวจสอบบัตรประชาชน รวมทั้งเน้นย้ำเรื่องยาเสพติดและอาวุธ ซึ่งการ์ดเป็นคนที่เข้มงวดมาก ส่วนเรื่องที่มีเด็กเข้าไปนั้น ไม่ทราบจริง ๆ และไม่ทราบว่าก่อนหน้านี้มีตำรวจเข้ามาตรวจสอบหรือไม่

ภรรยานายพงษ์ศิริ : เบื้องต้นได้ประสานทนายความ พยายามเยียวยาให้ครบทุกคน ทั้งผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ เพราะการันตีไม่ได้ว่าผู้บาดเจ็บเมื่อหายแล้วอาการจะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นได้ปรึกษาญาติผู้ใหญ่และทนายความดูแล ยังไม่ได้หารือรายละเอียด โดยพยายามหาทรัพย์สินอย่างสุดความสามารถ และยืนยันว่าจะเยียวยาเต็มที่ ยังไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่ชัดได้ เข้าใจว่าการสูญเสียเป็นเรื่องของชีวิตคน ต้องให้ญาติชี้แจงมาว่าต้องการเยียวยาเท่าใด

ภรรยานายพงษ์ศิริ : คิดว่าหลังจากนี้คดีจะมีความชัดเจนมากขึ้น ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร รู้เพียงตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้ได้รับบาดเจ็บ โดยจะเร่งเยียวยาเบื้องต้น ทั้งค่าทำศพ และเยียวยาผู้ได้รับบาดเจ็บ ไม่ได้อยากให้ลูกค้าต้องมาเสียชีวิต ส่วนพ่อแม่ก็เครียด กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ทุกคนเสียใจมาก สภาพจิตใจแย่ ส่วนการให้ปากคำเพิ่มเติมเป็นเรื่องเกี่ยวกับในร้าน เช่น ซื้อของจากร้านใด จ่ายเงินเดือนพนักงานอย่างไร

ช่วงท้ายของการแถลงเปิดใจ นายพงษ์ศิริ พร้อมภรรยา ได้ยกมือไหว้ขอโทษทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งผู้ใหญ่ที่ถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง ยืนยันว่าทั้งคู่เป็นเจ้าของและบริหารที่นี่เองจริง ๆ นายพงษ์ศิริ ระบุว่า เสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ไม่อยากให้เกิดขึ้น ขอโทษญาติผู้เสียชีวิตและผู้เสียชีวิต พร้อมขอให้ญาติผู้เสียชีวิตอโหสิกรรมให้ โดยในอนาคตเตรียมบวชอุทิศส่วนกุศลให้ผู้เสียชีวิต เพราะรู้สึกเสียใจ

ด้านภรรยานายพงษ์ศิริ ขอความเห็นใจจากประชาชน เพราะยังมีพนักงานในความดูแลเกือบ 60 คน ทุกคนลำบาก เดือดร้อน เมื่อเยียวยาเสร็จแล้ว อาจจะเปิดร้านส่วนที่เป็นส่วนโล่ง เพราะสงสารพนักงาน บางคนมีรายได้ทางเดียว

ญาติผู้เสียชีวิต บางครอบครัวบอกว่าไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนอยากให้เกิด บางคนเข้าใจ แต่บางคนไม่เข้าใจ แต่ตนเองเข้าใจว่าชีวิต 1 ชีวิต แลกกับอะไรไม่ได้ จึงขอโทษและบอกว่า ไม่อยากให้เกิดขึ้นจริง ๆ

ขณะที่ทนายความของนายพงษ์ศิริ เปิดเผยว่า ทั้ง 2 คนเป็นวัยรุ่นสร้างตัว ไม่รู้อะไรเลย อยากทำอะไรก็ทำ จึงบอกให้พูดความจริงทั้งหมด ส่วนการชดเชยค่าเสียหาย หลังจากได้เยียวยาไปเบื้องต้นแล้วนั้น การชดเชยผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจะเป็นรายละเท่าใด คงตอบลำบาก เพราะต้องดูงบฯ ที่มีด้วย รวมทั้งต้องดูว่าผู้เสียหายแต่ละรายจะเรียกค่าเสียหายเท่าใด คงไม่สามารถทำให้พอใจได้ทุกฝ่าย จึงวิงวอนว่าผู้ใดมีวิธีที่เยียวยาให้ได้รับความเป็นธรรมและทั่วถึงที่สุดก็ยินดีรับคำแนะนำ และได้ปรึกษาสภาทนายความจังหวัดพัทยา ให้ช่วยเหลือเป็นตัวกลางประสานกับผู้เสียหาย

 

 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

ไฟไหม้ผับดังชลบุรี เสียชีวิต 13 เจ็บ 20 คน 

ตร.คุมตัว "เสี่ยบี" เจ้าของผับส่งศาลพัทยา-ค้านประกันตัว 

จ่อแจ้งข้อหาเพิ่มเจ้าของ "MOUNTAIN B" ชี้ "พียูโฟม" ไม่ลามไฟ 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง