Thailand Web Stat
ค้นหา
ทีวีออนไลน์
เว็บไซต์ในเครือ
เว็บไซต์บริการ

หนุ่มใจดีช่วยหาบ้านให้ "ไซบีเรียน" หลงทาง ส่งคืนเจ้าของสำเร็จ

สังคม
17 ส.ค. 65
06:41
7,388
Logo Thai PBS
หนุ่มใจดีช่วยหาบ้านให้ "ไซบีเรียน" หลงทาง ส่งคืนเจ้าของสำเร็จ
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โซเชียลแห่แชร์เรื่องราวดี ๆ เมื่อหนุ่มมุสลิมเปิดประตูรถค้างไว้ระหว่างลงไปทิ้งขยะ กลับมาพบสุนัขไซบีเรียนขึ้นมานั่งบนเบาะข้างคนขับ ก่อนตัดสินใจขับรถวน 4 หมู่บ้าน หาบ้านจนพบ เจ้าของน้ำตาไหล ตามหานาน 4 วัน คิดว่าหายไปแล้ว

กลายเป็นกระแสในสื่อสังคมออนไลน์และสร้างรอยยิ้มในยามเช้าได้ เมื่อมีผู้ใช้เฟซบุ๊กที่ชื่อว่า Dee Kridsana ได้โพสต์รูปภาพสุนัขสายพันธุ์ไซบีเรียน ฮัสกี้ นั่งอยู่บนรถ พร้อมบอกเล่าเหตุการณ์ว่า สุนัขตัวดังกล่าวเดินขึ้นรถมาโดยไม่รู้ตัว จะไล่ให้ลงจากรถก็ทำไม่ลง และส่วนตัวนับถือศาสนาอิสลามนำไปเลี้ยงไม่ได้อยู่แล้ว จึงพยายามหาเจ้าของจนสามารถส่งคืนกลับบ้านได้อย่างปลอดภัย เรื่องราวนี้ทำให้ผู้คนประทับใจจนมียอดกดแสดงความรู้สึกในเฟซบุ๊กกว่า 26,000 ครั้ง และยอดแชร์เกือบ 10,000 ครั้ง

นายกฤษณะ เจริญสุข อายุ 25 ปี เจ้าของเฟซบุ๊กดังกล่าวให้สัมภาษณ์กับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นแบบไม่ทันตั้งตัว โดยระหว่างทางจะกลับบ้านได้แวะทิ้งขยะบริเวณซอยหน้าหมู่บ้าน โดยเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับค้างไว้ เพื่อนำขยะลงมาทิ้ง จากนั้นได้ปิดประตูโดยไม่ได้หันไปมอง ก่อนจะอ้อมกลับมาขึ้นรถ

FB : Dee Kridsana

FB : Dee Kridsana

FB : Dee Kridsana


เมื่อก้าวขึ้นรถมา กลับพบว่า มีสุนัขไซบีเรียน ฮัสกี้นั่งหอบหายใจแรงอยู่ที่เบาะข้างคนขับ และมีน้ำลายไหลตลอดเวลา ไวกว่าความคิดหลังของนายกฤษณะก็ขยับไปติดกับประตูฝั่งคนขับคนไม่เหลือช่องว่าง ด้วยนับถือศาสนาอิสลามจึงมีคำสอนว่าห้ามสัมผัสน้ำลายสุนัข

หลังจากตั้งสติได้ สุนัขตัวนั้นก็เริ่มจะหันมาพยายามเข้าใกล้ นายกฤษณะ ก็ขยับตัวไปเร่งแอร์รถให้เย็นขึ้น เพราะคิดว่าไซบีเรียนเป็นสุนัขขี้ร้อน และอาจจะขาดน้ำมาหลายวัน เมื่อปรับแอร์แล้วปรากฏว่าสุนัขตัวดังกล่าวก็นั่งนิ่งสงบอยู่บนรถทันที ไม่หันมาคลอเคลียหรือพยายามเลียอีก

ตอนนั้นยอมรับว่า ผมกังวลและคิดมาก แต่ก็คิดว่า นี่คือหนึ่งชีวิต ถ้าเราพอช่วยได้ก็ควรช่วย ผมก็เลี้ยงแมวที่บ้าน ถ้าน้องหายไป ผมก็ทุกข์ ผมเลยตัดสินใจขับไปหาเจ้าของ พาน้องกลับบ้าน

เมื่อตัดสินใจได้ นายกฤษณะ ก็เลือกขับไปตามซอยพุทธบูชา แขวงบางมด เขตทุ่งครุ กทม. ซึ่งมีหมู่บ้านอยู่ประมาณ 4 แห่ง ขับไปหมู่บ้านแรก หมู่บ้าน 2 และ 3 สอบถามก็ไม่พบว่ามีใครตามหาสุนัข หรือมีสัตว์เลี้ยงหาย จนคิดว่าหากหมู่บ้านสุดท้ายยังไม่พบอีก ก็จะไปหาซื้ออาหารให้กินแล้วพากลับไปส่งจุดเดิมที่พบ


กระทั่ง ขับมาถึงหมู่บ้านพฤษาวิลล์ ได้ทราบถาม รปภ.หน้าหมู่บ้านเช่นเดิม ซึ่ง รปภ.ก็บอกว่า มีลูกบ้านมาแจ้งว่าสุนัขหายเมื่อ 4 วันก่อน เมื่อเปิดประตูให้ดู รปภ.คนนั้นก็พูดขึ้นมาทันทีว่า "อ้าว ไอ้ปิ้ง หายไปไหนมา" ก่อนจะนำทางไปบ้านเจ้าของสุนัข

สุดท้าย เมื่อขับมาจอดถึงหน้าบ้าน เจ้าของบ้านเดินออกมาพูดคุยกับ รปภ.สักครู่ ก่อนจะเปิดประตูรถฝั่งข้างคนขับออกไป "หมูปิ้ง" คือเสียงเรียกที่คุ้นเคย ดังขึ้นมาพร้อมกับเสียงเห่าจากในบ้านของสุนัขไซบีเรียนอีกตัว ซึ่งเป็นน้องของ "หมูปิ้ง" จากสุนัขมาดนิ่งที่นั่งอยู่บนรถนาน 30 นาที กระโจนลงจากรถพร้อมเห่าเสียงดังเหมือนประกาศว่า กลับมาถึงบ้านแล้ว

เจ้าของ "หมูปิ้ง" กล่าวขอบคุณทั้งน้ำตา ยกมือไหว้นับครั้งไม่ถ้วน ก่อนจะบอกให้คนในบ้านนำเงินสินน้ำใจมามอบให้ แต่นายกฤษณะ ปฏิเสธทันที ด้วยหัวอกคนมีสัตว์เลี้ยงเหมือนกัน จึงเข้าใจกันเป็นอย่างดี และไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใด ๆ เพียงต้องการช่วยเหลือสัตว์เท่านั้น

วินาทีที่ผมเห็นเจ้าของกอดหมาเขา มันแน่นในอกเลย ผมคิดว่าถ้าไม่ช่วยมันจะเป็นอย่างไร และผมก็คงรู้สึกผิดไปตลอด แต่ผมช่วยมันได้แล้ว ผมดีใจมากจริง ๆ 

นายกฤษณะ บอกอีกว่า ตอนที่โพสต์วันแรกไม่ได้คิดว่าจะเป็นไวรัลในโซเชียล แต่มีเพื่อนคนหนึ่งแชร์โพสต์เข้าไปในกลุ่มคนรักไซบีเรียนในเฟซบุ๊ก จนคนเข้ามาคอมเมนต์และแชร์ต่อจำนวนมาก ก็รู้สึกตกใจ เพราะปกติก็ช่วยแมวจรจัดอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้โพสต์ลงโซเชียล แมวที่เลี้ยงปัจจุบันก็เป็นแมวที่หลงทางมาอยู่ใต้รถนานหลายเดือน สุดท้ายจึงรับเลี้ยงไว้

FB : Dee Kridsana

FB : Dee Kridsana

FB : Dee Kridsana


ส่วนเรื่องที่หลายคนสงสัยว่า นับถือศาสนาอิสลามทำไมถึงตัดสินใจช่วยสุนัขตัวดังกล่าว ต้องบอกว่า คำสอน คือ ไม่ควรสัมผัสน้ำลายสุนัข หากสัมผัสจะต้องอาบน้ำใหม่ทันที และเป็นการอาบน้ำตามพิธีอิสลาม แต่ส่วนตัวมองว่า เป็นเรื่องของเหตุผลมากกว่า สิ่งที่เจอเป็นเหตุสุดวิสัย และสิ่งที่ทำคือการให้ความช่วยเหลือชีวิตหนึ่งชีวิต ดังนั้น จึงมองว่าไม่ใช่เรื่องที่ผิดแต่อย่างใด

นายกฤษณะ ทิ้งท้ายกับไทยพีบีเอสออนไลน์ว่า สัตว์ทุกตัวก็มีชีวิตไม่ต่างจากคน แต่พวกนั้นช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ หากเห็นอะไรที่พอจะช่วยได้ ก็ไม่เคยลังเล การช่วยไม่ใช่การให้จนตัวเองเดือดร้อน แต่เป็นการแบ่งปันให้อิ่มท้องไปด้วยกัน เท่านั้นก็เพียงพอให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Failed to load player resources

Please refresh the page to try again.

ERROR_BYTEARK_PLAYER_REACT_100001

00:00

00:00

ให้คะแนนการอ่านข่าวนี้