เมื่อโลกเผชิญภาวะโลกร้อน จนทำให้ฝนตกนานถึง "2 ล้านปี"

ไลฟ์สไตล์
22 พ.ค. 66
16:11
4,557
Logo Thai PBS
เมื่อโลกเผชิญภาวะโลกร้อน จนทำให้ฝนตกนานถึง "2 ล้านปี"
อ่านให้ฟัง
00:00อ่านข่าวให้ฟังโดย Botnoi Voice เว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเสียงจากข้อความด้วย AI (Text to Speech)
โลกจะเผชิญปรากฏการณ์ "ลานีญา" และ "เอลนีโญ" สลับปีกันไป แต่ในสภาวะโลกร้อน มนุษย์กลับเผชิญแต่ละปรากฏการณ์ที่นานขึ้น เช่น เอลนีโญ ที่นานกว่า 2 ปีขณะนี้ แต่ย้อนไป 234 ล้านปีก่อน โลกเคยเจอปรากฏการณ์ฝนตกติดต่อกันยาวนานถึง 2 ล้านปี

ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ไทยและโลกจะเพิ่งผ่านปรากฏการณ์ลานีญา สภาวะน้ำหลาก ฝนตกต่อเนื่อง จนในบางพื้นที่เกิดอุทกภัย แต่เมื่อ 234 ล้านปีก่อนนั้น โลกของเราเผชิญกับเหตุการณ์ที่ฝนตกต่อเนื่องไปทั่วทั้งโลก และตกติดต่อกันนานถึง 2,000,000 ปี

"มหาทวีปแพนเจีย" ผืนแผ่นดินเดียวของโลก

แผ่นดินโลกในอดีตติดเป็นผืนเดียวกัน คือ มหาทวีปแพนเจีย (Pangea supercontinent) ความกว้างใหญ่ของมหาทวีป ทำให้สภาพภูมิประเทศปราศจากเทือกเขาในตอนกลาง ลมมรสุมจากมหาสมุทรไม่สามารถเข้าถึงแผ่นดินใหญ่ด้านในได้ และยังไร้แนวปะทะตามธรรมชาติที่จะทำให้ฝนตกลงมาอีกด้วย จึงทำให้เกิดสภาพอากาศแห้งแล้งจัดและภูมิประเทศแบบทะเลทรายขึ้น

มหาทวีปแพนเจีย

มหาทวีปแพนเจีย

มหาทวีปแพนเจีย

ทะเลทราย

ทะเลทราย

ทะเลทราย

ยุคไทรแอสซิก (Triassic period)

เป็นยุคหนึ่งทางธรณีกาลโลก ตรงกับช่วงเวลาประมาณ 251 ± 0.4 ถึง 199.6 ± 0.6 ล้านปีก่อน แบ่งย่อยออกเป็น 3 ยุค คือ ยุคต้น ยุคกลาง และ ยุคปลาย และในแต่ละช่วง ก็จะมีช่วงย่อยลงไปอีก โดยกำหนดจากเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์หรือการเปลี่ยนแปลงของสิ่งมีชีวิตทั้งบนบกและในทะเลมากมาย ซึ่งหลักฐานต่างๆ ปรากฏให้นักธรณีวิทยาได้ทำการค้นคว้าและศึกษาจากชั้นหิน

ฟอสซิลต้นไม้

ฟอสซิลต้นไม้

ฟอสซิลต้นไม้

  • ยุคต้น 
    • ช่วงอินดูอัน การสูญพันธุ์ยุคเพอร์เมียน-ไทรแอสซิก
    • ช่วงโอเลเนเคียน การสูญพันธุ์ขอบสมิเทียน-สปาเทียน
  • ยุคกลาง
    • ช่วงอานิเชียน การกำเนิดของต้นไม้เนื้อแข็ง และการกลับมาของถ่านหิน
    • ช่วงเลดิเนียน เกิดฟองน้ำหินปูนและปะการังชนิดสเกแรคติเนีย
  • ยุคปลาย
    • ช่วงคาร์เนียน ฝนชุกช่วงคาร์เนียน
    • ช่วงนอเรียน อุกกาบาตตกที่แมนิกัวอาแกน
    • ช่วงเรเทียน การสูญพันธุ์ยุคไทรแอสซิก–จูแรสซิก

มีข้อสันนิษฐานหนึ่งเชื่อว่า ช่วง 1 ล้านปีใน ยุคปลายของยุคไทรแอสซิก เกิดเหตุภูเขาไฟระเบิดครั้งใหญ่เรียกว่า "การระเบิดแรงเกลเลียน (Wrangellion eruptions)" เกิดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจก สู่ชั้นบรรยากาศจำนวนมาก จนทำให้โลกร้อนขึ้น 3-10 องศาเซลเซียส เสมือนโลกเผชิญ "ภาวะโลกร้อน" นั่นเอง

โลกร้อนเมื่อหลายล้านปีก่อน

สภาวะโลกร้อนในยุคโบราณ อุณหภูมิที่ร้อนระอุทำให้ไอน้ำระเหยจากผิวมหาสมุทรมากขึ้น จนเกิดเป็นสภาพอากาศร้อนชื้น และก่อให้เมฆฝน ทำให้เกิดฝนตกทั่วทั้งแผ่นดินมหาทวีปแพนเจีย เหตุการณ์เรียกว่า "เหตุการณ์คาร์เนียน-พลูเวียล (The Carnian-Pluvial Episode)" หรือ "ฝนตกในช่วงอายุคาร์เนียน" ซึ่งกินเวลาไม่มากไม่มาย 2,000,000 ปี 

ไอน้ำที่ระเหยจากทะเล

ไอน้ำที่ระเหยจากทะเล

ไอน้ำที่ระเหยจากทะเล

ฝนที่ตกยาวนานกว่า 2,000,000 ปี เมื่อ 234 ล้านปีก่อนนั้น นักธรณีวิทยาสันนิษฐานว่าปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยทั่วโลกเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลเป็น 1,400 มม./ปี ทำให้เกิดอุทกภัยต่อเนื่องกันหลายครั้ง จนผืนดินในมหาทวีปแพนเจียทั้งหมดมีความชื้นแฉะ จากสภาพอากาศแห้งแล้ง ทะเลทรายกลางผืนดิน กลายสภาพเป็นป่าฝนเขตร้อน 
หากปริมาณฝนเฉลี่ยมากกว่า 90 มม./ชม. จะทำให้ กทม. เผชิญกับน้ำท่วม

ส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อสิ่งมีชีวิตทั้งพืชและสัตว์ในยุคไทรแอสซิก โดยพืชทะเลทรายที่ส่วนใหญ่มีลำต้นเตี้ยติดดินได้สูญพันธุ์ไป พืชที่มีลำต้นสูงใหญ่อย่างสนชนิดต่างๆ งอกงามขึ้น

สัตว์เลื้อยคลานในยุคไตรแอสซิก ซึ่งส่วนใหญ่มีขนาดลำตัวปานกลางที่ไม่อาจยืนบนขาหลังได้ ต้องขาดอาหารจนล้มตาย  เนื่องจากสภาพอากาศทำให้ส่วนที่กินได้ของพืชพรรณขยับไปอยู่สูงขึ้น เป็นโอกาสที่ไดโนเสาร์ตัวยักษ์จะได้แพร่พันธุ์เพิ่มจำนวนประชากรขึ้นมาแทนที่ จนได้ครองโลกในยุคจูแรสซิกหรือจูราสสิก (Jurassic period) ซึ่งเป็นช่วงธรณีกาลราว 33 ล้านปีต่อมา

หลักฐานเหล่านี้ ปรากฏต่อมาให้นักธรณีวิทยาในปัจจุบันขุดเจอจากชั้นหินเก่าแก่จากยุคไทรแอสซิก ที่จะมีหินทรายสีแดงที่เป็นเอกลักษณ์ รวมทั้งตะกอนดินที่เกิดจากพืชพรรณในบริเวณที่มีสภาพอากาศแห้งแล้งเป็นหลัก

แต่ช่วงทศวรรษ 1990 ทีมนักธรณีวิทยาชาวอังกฤษได้ค้นพบชั้นหินย่อยชั้นหนึ่ง ที่มีลักษณะไม่ตรงกับชั้นหินทรายที่เล็กละเอียดของยุคไทรแอสซิกอย่างสิ้นเชิง เป็นหินสีเทา ประกอบไปด้วยหินลำธารก้อนใหญ่และดินตะกอนจากก้นแม่น้ำ ซึ่งเป็นหลักฐานของสภาพอากาศชุ่มชื้นจากฝนตกหนักจนมีแหล่งน้ำขนาดใหญ่เกิดขึ้นในยุคโบราณ และยังพบชั้นหินผ่าเหล่าที่ว่านี้อีกหลายภูมิภาคทั่วโลก ทั้งทวีปยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง เอเชีย ที่มีหลักฐานบ่งชี้ร่วมกัน

เมื่อราว 232-234 ล้านปีก่อน ทั่วโลกเคยมีเหตุฝนตกหนักอย่างต่อเนื่องยาวนานเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เมื่อการปะทุของภูเขาไฟในการระเบิดแรงเกลเลียนเริ่มสงบลง โลกก็เริ่มปรับสมดุลด้วยการดูดซับคาร์บอนส่วนเกินในบรรยากาศกลับไปเก็บสะสมในชั้นหินปูน ป่าไม้ และมหาสมุทร

ทำให้ฝนที่ตกหนักมานานถึง 2,000,000 ปี ซาและหยุดตกไป

ที่มา : BBC, Wikipedia, Wikiwand

อ่านข่าวเพิ่ม :

วันนี้ ไทยเริ่มต้น "ฤดูฝน" กทม.เจอฝน 20% ช่วงบ่ายถึงค่ำ

สิ้นสุดร้อน! ไทยเข้าฤดูฝนเริ่ม 22 พ.ค.นี้ ชี้ฝนน้อยกว่าค่าเฉลี่ย 5%

ข่าวที่เกี่ยวข้อง