ม.หอการค้าไทย ประเมินภัยแล้งทำเงินหายจากระบบเศรษฐกิจ 7 หมื่นล้านบาท 
วันนี้ (9 ก.ค.2558) ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจความเห็นตัวอย่างจากเกษตรกร 1,200 คนในพื้นที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้ง พบว่าเกษตรกรส่วนใหญ่เห็นว่า สถานการณ์รุนแรงกว่าอดีตที่ผ่านมา และผลผลิตเสียหาย 11-20 ไร่ หรืออาจทำให้ข้าวเปลือกหายจากระบบประมาณ 4 ล้านตัน ขณะเดียวกันปัญหานี้ยังส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต การหาแหล่งน้ำ และหนี้สินเพิ่มขึ้นร้อยละ 40.8 พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลประกันราคาข้าว ให้เงินชดเชย และลดต้นทุนการเกษตร เป็นเรื่องเร่งด่วน
ผศ.ธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นกระทบรายได้เกษตรกรคิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 35,000 ล้านบาท และเงินหมุนเวียนในระบบทั้งปีกว่า 68,000-70,000 ล้านบาท หรือมีผลต่อจีดีพีลดลงร้อยละ 0.52 ซึ่งรัฐบาลอาจจำเป็นต้องออกมาตรการดูแลราคาข้าวเฉพาะส่วนเหลื่อมสำหรับผลผลิตที่มีอยู่ในมือเกษตรกร และจำกัดการช่วยเหลือรายละไม่เกิน 15 ไร่ ควบคู่กับมาตรการลงทุนแหล่งน้ำเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่เดือดร้อนจากภาวะแล้งที่ผิดปกติและถูกรัฐบาลกำหนดให้ชะลอการเพาะปลูก
ทั้งนี้ความเสี่ยงปัญหาภัยแล้งและปัจจัยประเทศทั้งกรณีกรีซและจีน อาจกดดันจีดีพีต่ำกว่าร้อยละ 3 จากคาดการณ์เดิมร้อยละ 3.2 ไม่นับรวมปัจจัยจากการส่งออกที่ลดลงต่ำกว่าติดลบร้อยละ 1 ถึงติดลบ 2 หรือติดลบร้อยละ 3 ถึงติดลบ 4 หากกรีซกระทบความเชื่อมั่นรุนแรงถึงการจับจ่ายในอียูและสหรัฐฯ
ส่วนกรณีฟองสบู่หุ้นจีนอาจเป็นผลจากปัญหาการทำกำไรบริษัทจดทะเบียนต่ำกว่าคาดจนถูกบังคับขายตามกฎจึงเชื่อว่าไม่กระทบส่งออกไทย แต่ยังต้องติดตามสถานการณ์และปัจจัยต่างประเทศอีกระยะก่อนประกาศทบทวนคาดการณ์เศรษฐกิจใหม่อีกครั้ง