อีสาน-เหนือ ฝนตกต่อเนื่อง แต่ยังไม่พ้นวิกฤตภัยแล้ง

กรมอุตุนิยมวิทยารายงานว่าร่องมรสุมที่พาดผ่านตอนบนของภาคเหนือและมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงที่พัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทยในช่วงนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แม้ฝนจะตกเพิ่มขึ้นแต่ข้อมูลของกรมชลประทานพบว่าปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนน้อยกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้วิกฤตภัยแล้งในหลายพื้นที่ยังไม่คลี่คลาย

ข้อมูลน้ำไหลเข้า-การระบายน้ำและปริมาณน้ำใช้การได้ของเขื่อนขนาดใหญ่ล่าสุดเมื่อวานนี้ (26 ก.ค.2558) มีดังนี้
-เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ มีน้ำไหลเข้าประมาณ 12 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) ระบายออก 11 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำใช้การได้ร้อยละ 4 ของความจุอ่าง
-เขื่อนภูมิพล จ.ตาก มีน้ำไหลเข้าประมาณ 9 ล้านลบ.ม. ระบายออก 5 ล้าน ลบ.ม. เหลือน้ำใช้การได้ร้อยละ 1
-เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน จ.พิษณุโลก น้ำไหลเข้า 3 ล้านลบ.ม. ระบายออก 1.7 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำใช้การได้ร้อยละ 10
-เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มีปริมาณน้ำไหลเข้า  650,000 ลบ.ม. ระบายออกกว่า 1 ล้านลบ.ม. เหลือน้ำใช้การได้ร้อยละ 3

ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือฝนตกหนักจากอิทธิพลมรสุมทำให้เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี มีน้ำไหลเข้าเฉลี่ยวันละกว่า 2.4 ล้านลบ.ม. ทำให้มีน้ำใช้การถึงร้อยละ 80 ของความจุ ขณะที่เขื่อนยโสธรที่กั้นแม่น้ำชี เจ้าหน้าที่ต้องเปิดประตูระบายน้ำเพิ่มเพื่อไม่ให้พื้นที่ถูกน้ำท่วมจากระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำที่เพิ่มขึ้น ส่วนที่เขื่อนลำตะคอง อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา ที่แม้จะมีน้ำไหลเข้าอ่างน้อย แต่นายสุทธิโรจน์ กองแก้ว ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง ยืนยันว่า จะไม่ขาดแคลนน้ำอุปโภค บริโภคในพื้นที่ท้ายเขื่อน 5 อำเภอ อย่างแน่นอน