เปิดตัว“5 สัตว์แปลก”ที่คนไทยนิยมเลี้ยง

11 ส.ค. 58
04:28
5,895
Logo Thai PBS
เปิดตัว“5 สัตว์แปลก”ที่คนไทยนิยมเลี้ยง

เปิด 5 อันดับสัตว์แปลกที่คนไทยนิยมเลี้ยง นอกจากสัตว์ปกติจำพวกหมา แมว ปลา นก ฯลฯ ส่วนใหญ่เป็นสัตว์น้ำมากกว่าสัตว์บก

ไทยพีบีเอสออนไลน์ สำรวจตลาดนัดสวนจตุจักร กรุงเทพฯ หลังจากพบว่า ในปัจจุบันประชาชนซื้อสัตว์แปลกๆ มาเลี้ยงมากขึ้นและหลากหลายขึ้น นอกเหนือไปจากสัตว์เลี้ยงปกติ เช่น สุนัข แมว ปลา นก ฯลฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเข้าไปในบริเวณโซนจำหน่ายสัตว์เลี้ยงของสวนจตุจักร ได้พบกับสัตว์จำนวนมาก แยกตามประเภท ทั้งจำพวกสุนัข แมว ปลา นก แล้ว ยังมีส่วนที่จำหน่ายสัตว์แปลกๆ จำพวก กระรอก หนู งู ทั้งที่มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย และนำเข้ามาจากต่างประเทศ แม้ว่าหลายชนิดเพาะพันธุ์ได้แล้วในประเทศไทย จนกลายเป็นสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่สร้างรายได้หลักล้านบาท

จากการสอบถามพ่อค้าสัตว์แปลกในสวนจตุจักร โดยให้จัดอันดับความนิยม ว่าสัตว์ชนิดไหนที่คนนิยมซื้อไปเลี้ยง ได้รับการเปิดเผยว่า สัตว์แปลกที่คนนิยมซื้อไปเลี้ยงมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ “ปลากระเบนน้ำจืด” ซึ่งพ่อค้าเล่าว่า ปลากระเบนน้ำจืดเคยได้รับความนิยมเลี้ยงมากว่า 10 ปี และกลับมานิยมอย่างมากอีกครั้งเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา

“เมื่อก่อนต้องสั่งน้ำเข้าจากอเมริกาใต้เพราะเป็นปลาที่มาจากลุ่มน้ำอะเมซอน แต่ปัจจุบันไทยสามารถเพาะพันธุ์ได้เองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สายพันธุ์แบล็ค ไดมอนด์ ลายจุดสีดำ ราคาลูกปลา 1 คู่ ราคา 60,000 บาท สายพันธุ์เพิร์ล เรย์ ส่วนสายพันธุ์โมโตโร่ สีน้ำตาลจุดขาว จะมีราคาถูกที่สุด ราคาลูกปลา 1 คู่อยู่ที่หลักพันบาท แม้แต่ปลากระเบนน้ำจืดเผือกที่สนนราคาลูกปลาคู่ละ 2 ล้านบาท ก็สามารถเพาะพันธุ์ได้แล้วเช่นกัน” พ่อค้ากล่าว

พ่อค้าคนเดิมเล่าว่า ปลากระเบนน้ำจืดที่เห็นอยู่นี้ นับว่าเป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ของประเทศ เพราะชาวจีนนิยมสั่งซื้อไปเลี้ยงล็อตละไม่ต่ำกว่า 70-80 ตัว และสั่งปีละหลายล็อต แต่มีข้อควรระวังคือ พิษที่ปลายหางของมัน จึงไม่ควรสัมผัสหรือจับที่หางของปลากระเบน

ส่วนที่มีผู้กังวลว่าสัตว์เหล่านี้อาจสร้างผลกระทบหากหลุดไปอยู่ในธรรมชาติ พ่อค้าคนเดิมบอกว่า “ปลากระเบนน้ำจืดกลุ่มนี้เป็นพวกไวต่อสิ่งแปลกปลอม หากเจอน้ำหรือสิ่งแวดล้อมที่ไม่สะอาดคาดว่าไม่สามารถมีชีวิตรอดได้”

สัตว์เลี้ยงสุดแปลกที่คนนิยมซื้อมาเลี้ยงลำดับต่อมา ชยุตม์พนธ์ บุญเลิศอุทัย เจ้าของร้าน Monster SEA ตลาดนัดจตุจักร ระบุว่า คือ “ลูกแมงดาทะเล” และ “ทากทะเล”

ชยุตม์พนธ์ให้ข้อมูลว่า เมื่อ 6-7 ปีที่แล้ว ลูกแมงดาทะเลอายุ 2-3 เดือน ที่มีขนาดเล็กเพียง 1 ใน 3 ของฝ่ามือ ผู้เลี้ยงปลาตู้ทะเลนิยมซื้อไปเลี้ยงเป็นจำนวนมาก แต่เพราะไม่สามารถเพาะเลี้ยงในระบบปิดได้ ความนิยมจึงลดลงไป และกลับมานิยมใหม่ในปีนี้ (2558) ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีคนจับมาขายมากขึ้น

“พอขนาดเล็กลงจากแมงดาทะเล อายุ 8-9 ปี ที่คนนิยมทานเป็นอาหาร ก็กลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงน่ารัก เพราะเป็นขนาดหายากและคนไม่ค่อยได้เห็น นอกจากนี้แมงดาทะลยังช่วยทำความสะอาดตู้ปลา ด้วยการกินเศษซากอาหารที่หล่นตามพื้นทราย ซึ่งมาล็อตนึง 30-50 ตัว ก็ขายหมด ราคาก็ไม่แพง ตัวละ 150 บาท เช่นเดียวกับทากทะเลที่ได้รับความนิยมตลอด เพราะมีสีสันสดใสและลักษณะตัวน่ารัก ได้ของมาครั้งละ 30-40 ตัว ก็ขายหมดภายใน 1-2 สัปดาห์ ราคาตกตัวละ 350 บาทขึ้นไป ซึ่งหากเลี้ยงดี ๆ ยังมีอายุได้ถึง 2 ปี ทั้งนี้ คาดว่าหากมีกระแสฮิตที่ญี่ปุ่น เร็ว ๆ นี้ คงมีออร์เดอร์เข้ามากขึ้น เพราะคนไทยนิยมเห่อเลี้ยงตามกระแส”

ส่วนทากทะเลที่ว่าคือ “กระต่ายทะเล” หรือ “โกมะจัง” ในประเทศญี่ปุ่น เป็นทากทะเล (Sea Slugs) สายพันธุ์หนึ่ง ที่มีรูปลักษณะคล้ายกระต่าย ทั้งหูที่ยาวและพู่หางฟูฟ่อง เพียงแต่มีขนาดเล็กจิ๋ว ด้วยความน่ารักน่าเอ็นดูและสีสันสดใส ทำให้ทากทะเลซึ่งเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่ช่วยย่อยเศษซากบนพื้นทะเล ถูกจับมาเลี้ยงสร้างความงามให้กับตู้ปลา

สัตว์ทะเลอีกชนิดหนึ่ง ที่คนนิยมนำมาเลี้ยง และยังถูกนับเป็นอาหารเหลา เป็นสัตว์เศรษฐกิจตัวใหม่ และกำลังกลายมาเป็นสัตว์เลี้ยงในตู้ปลา ที่คนให้ความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ คือ “หอยเป๋าฮื้อ” ชยุตม์พนธ์อธิบายว่า หากอยู่ในตู้ปลาแล้วฐานะของหอยเป๋าฮื้อคือเทศบาล ช่วยกำจัดตะไคร่น้ำ ด้วยลักษณะลำตัวแบนราบสามารถซอกซอนทำความสะอาดตู้ปลาได้หมดจด คนจึงนิยมซื้อไปเลี้ยงไว้ ซึ่งจากเดิมใช้หอยนมสาว ส่วนราคาของหอยเป๋าฮื้อตกตัวละ 100-250 บาท

ชยุตม์พนธ์กล่าวว่า สัตว์ทะเลที่ทางร้านนำมาขาย มาจากทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการขายตามฤดูกาลของสัตว์ชนิดนั้นๆ ซึ่งจะเว้นช่วงฤดูผสมพันธุ์ และเลือกเฉพาะตัวที่โตเต็มวัยมาจำหน่าย

“การเลี้ยงสัตว์ทะเลในตู้ หากมองข้ามเรื่องการจับสัตว์จากธรรมชาติมาเลี้ยง คนทั่วไปจะได้เรียนรู้ว่าสัตว์พวกนี้บอบบางแค่ไหน มีวงจรชีวิตและควรอยู่ในระบบนิเวศวิทยาอย่างไร ซึ่งช่วยเพิ่มวินัยและไม่ทำพฤติกรรมที่เป็นการทำร้ายสัตว์ในธรรมชาติ”

สำหรับสัตว์เลี้ยงสุดแปลกตัวสุดท้ายที่คนนิยมเลี้ยง เป็นสัตว์บกตัวเล็ก ยังคงอยู่ในกระแสตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา อาจกล่าวได้ว่า 8 ใน 10 ร้านสัตว์เลี้ยงในตลาดนัดจตุจักร ขายสัตว์ฟันแทะอย่าง “ดอร์เมาส์” (dormouse) หรือ “กระรอกจิ๋ว” (micro squirrels)

ด้วยลักษณะที่คล้ายหนูผสมกับกระรอก มีหางยาวเป็นพวงสวยงาม น้ำหนักตัวก็เล็กจิ๋วประมาณ 20-60 กรัม และยังสามารถปรับตัวเข้ากับสภาพอากาศร้อนชื้นได้ดี นอกจากนี้ดอร์เมาส์ส่วนใหญ่ไม่ใช่สัตว์คุ้มครอง ยกเว้นสายพันธุ์เฉพาะถิ่นในญี่ปุ่น คนไทยจึงนิยมหาไปเลี้ยงเป็นเพื่อนแก้เหงา ซึ่งสายพันธุ์ที่นิยมมากที่สุดเพราะมีขนาดเล็กที่สุดคือ แอฟริกัน ปิ๊กมี ดอร์เมาส์ (Afican pygmy dormouse) ส่งตรงจากทวีปแอฟริกากลาง อย่างไรก็ตามปัจจุบันคนไทยสามารถเพาะพันธุ์กระรอกจิ๋วได้เอง ทำให้ราคาลดลงจากที่เคยสูงถึงตัวละ 2,000-2,500 บาท เหลือ 400-700 บาทเท่านั้น

“ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงธรรมดา หรือสัตว์เลี้ยงแปลกๆ ที่คนนิยมเห่อเลี้ยงเป็นพัก ๆ อยากให้ผู้ที่เลือกสรรสัตว์เหล่านี้ไปเป็นเพื่อนช่วยผ่อนคลายจิตใจ ไปเลี้ยงดูเพื่อความสวยงาม หรืออะไรก็แล้วแต่ ใช้ความรักและความรับผิดชอบในการเลี้ยงดู และไม่ทิ้งขว้างเมื่อเบื่อหรือสัตว์เหล่านี้พิการ โดยเฉพาะสัตว์แปลกต่างถิ่นที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือแม้แต่โรคเฉพาะที่ติดมากับสัตว์ ดังนั้น การศึกษาพฤติกรรม โรคติดต่อของสัตว์ที่จะเลี้ยง และประเมินความสามารถในการเลี้ยงดู รวมถึงค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในระยะยาว จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ควรทำก่อนคิดซื้อหรือหาสัตว์มาเลี้ยงสักตัวหนึ่ง” สิริกานต์ บุญแก้ว แม่ค้าขายดอร์เมาส์ในตลาดนัดจตุจักร กล่าว

กดถูกใจหน้าเพจ ThaiPBSNews
https://www.facebook.com/ThaiPBSNews?ref=hl


ข่าวที่เกี่ยวข้อง