สธ.เตรียมประสานขอรายชื่อผู้เข้ารับฝังแร่ไอโอดีนจาก รพ.ในจีน

สังคม
20 เม.ย. 58
12:54
118
Logo Thai PBS
สธ.เตรียมประสานขอรายชื่อผู้เข้ารับฝังแร่ไอโอดีนจาก รพ.ในจีน

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เตรียมส่งหนังสือถึงทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศให้ควบคุมการใช้กัมมันตภาพรังสีจากการฝังแร่ไอโอดีน 125 เพื่อการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องและไม่เป็นอันตรายต่อผู้อื่น ส่วนการฝังแร่กัมตรังสีไอโอดีน-125 สามารถรักษาได้เพียงมะเร็งต่อมลูกหมากเท่านั้น หากปฏิบัติตัวไม่ถูกต้องจะมีผลต่อผู้อื่น โดยเฉพาะการเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา ล่าสุด ได้ขอรายชื่อผู้เข้ารับบริการจากโรงพยาบาลฟูด้า ประเทศจีน ภายในสัปดาห์นี้

นายแพทย์อภิชัย มงคล อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าว่ากระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติของไทย ร่างหนังสือถึงทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ (IAEA) เพื่อให้ประสานไปยังสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติของประเทศจีน ดำเนินการแก้ไขและควบคุมหลังพบว่ามีผู้รับบริการฝังแร่รักษาโรคบางรายของไทยไม่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกันตัวเองและผู้อื่นอย่างเหมาะสม ทำให้อาจไม่ปลอดภัย นอกจากนี้เตรียมร่างหนังสือไปยังโรงพยาบาลฟูด้าเพื่อขอข้อมูลรายชื่อผู้เข้ารับบริการ ก่อนส่งให้สถาบันมะเร็งแห่งชาติในการติดตามดูแลผู้ป่วยเหล่านี้ และให้คำแนะนำวิธีการปฏิบัติตัวอย่างถูกต้อง

ด้าน นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่ามีประชาชนเดินทางไปฝังแร่กัมตรังสีที่ประเทศจีนเมื่อปีที่แล้วเข้ารายงานตัวกับสถานพยาบาลแล้วจำนวน 35 คน แต่เชื่อว่ายังมีอีกหลายคนยังไม่เข้ามารายตัว จึงต้องการให้ผู้ที่ได้รับการฝังแร่กัมตรังสีมารายงานตัวเพื่อรับคำแนะนำจากแพทย์ในการปฏิบัติตัวและเข้ารับการขจัดกัมตรังสีที่อยู่ในร่างกาย

 
ขณะที่สมาคมรังสีรักษาและมะเร็งวิทยาแห่งประเทศไทย ให้ข้อเท็จจริงว่าการฝังแร่กัมตรังสีไอโอดีน-125 สามารถรักษาได้เพียงมะเร็งต่อมลูกหมากเท่านั้น ส่วนมะเร็งอื่นยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัย ขณะที่โรงพยาบาลรักษามะเร็งฟูด้าใช้วิธีการฝังแร่ทุกจุดที่เกิดมะเร็งในร่างกาย ซึ่งนอกจากจะไม่ช่วยในการรักษาแล้วกัมตรังสีที่อยู่ในร่างกายยังส่งผลอันตรายต่อคนรอบข้างในระยะ 1 เมตร โดยเฉพาะกับผู้หญิงที่ตั้งครรภ์และเด็ก หากได้รับรังสีเข้าไปในร่างกายจะทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย ในระยะยาวอาจส่งผลต่อไขกระดูกทำให้มีโรคอื่นๆตามมา ดังนั้น ผู้ที่ทราบว่าตัวเองเคยใกล้ชิดกับผู้ที่เคยไปฝังแร่กัมตรังสีมาให้รีบเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจหารังสีที่อยู่ในร่างกายโดยเร็ว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง