เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุน้ำมันปนเปื้อนในอ่าวไทย-เทศบาลหัวหินเผยค่าเสียหายนับร้อยล้าน

Logo Thai PBS
เร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุน้ำมันปนเปื้อนในอ่าวไทย-เทศบาลหัวหินเผยค่าเสียหายนับร้อยล้าน

กว่า 1 สัปดาห์หลังเกิดเหตุน้ำมันดิบปนเปื้อนในทะเลอ่าวไทยและชายหาดหลายแห่งตั้งแต่จ.สมุทรสาคร ถึง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ยังคงพบคราบน้ำมันปนเปื้อนอยู่ตามชายหาดหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นบางจุด ขณะที่นักท่องเที่ยวเริ่มกล้ับมาลงเล่นน้ำและทำกิจกรรมพักผ่อนหย่อนใจบนชายหาด ด้านหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหาผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี พร้อมเรียกค่าเสียหายจากการก่อมลพิษ

จงกลณี ฤทธิ์ยงค์ ประธานชมรมพัฒนาชายหาดหัวหิน มองว่าเหตุการณ์นี้เป็นผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก ทำให้เสียชื่อเสียงและในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมานักท่องเที่ยวลงเล่นน้ำไม่ได้เพราะมลพิษจากคราบน้ำมันทำให้ผู้ประกอบการรายได้ลดลงด้วย
 
ด้านการสอบสวนติดตามหาผู้ปล่อยทิ้งน้ำมันลงทะเลตามข้อมูลของกรมเจ้าท่าและแนวทางสืบสวนของตำรวจนั้น พ.ต.อ.ไชยกร สาลาเดชา ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรหัวหินเปิดเผยว่า กรมเจ้าท่า พร้อมเทศบาลเมืองหัวหินได้แจ้งความไว้ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค.2558 แต่เนื่องจากเหตุการณ์เกิดขึ้นในทะเล ทำให้ต้องรอข้อมูลเพิ่มเติมจากกรมเจ้าท่า กองทัพเรือ รวมถึง ชาวประมงที่พบว่ามีเรือขนาดใหญ่ทิ้งน้ำมันในทะเล ขณะที่ผู้อำนวยการเจ้าท่าสาขาประจวบคีรีขันธ์ระบุว่าคดีนี้ ผู้กระทำผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 6 หมื่นบาท และผู้ก่อมลพิษจะต้องรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้นด้วย

สุริยะ โกพัฒน์ตา ผู้อำนวยการ สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาประจวบคีรีขันธ์ระบุว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะประเมินความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการปล่อยน้ำมันปนเปื้อนในทะเล เช่น ความเสียหายต่อสัตว์น้ำรวมถึงความเสียหายต่อการท่องเที่ยว ซึ่งก่อนหน้านี้นายกเทศมนตรีเมืองหัวหินให้สัมภาษณ์ว่าเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท

ข้อมูลของกรมเจ้าท่าระบุว่าคราบน้ำมันเตาจากทะเลเข้าเกยชายหาดหัวหิน - ชะอำและปราณบุรีตั้งแต่วันที่ 27 ต.ค.2558 คราบน้ำมันตามแนวชายหาดมีระยะทางยาวกว่า 10 กิโลเมตร มีปริมาตรกระจายรวมกัน กว่า 1,000 ลิตร ซึ่งวันเดียวกันมีชาวประมงคนหนึ่งแจ้งข้อมูลกรมเจ้าท่าว่าพบการเทน้ำมันทิ้งของเรือขนส่งขนาด 3,000-4,000 ตันบริเวณปากน้ำแม่กลองเขตรอยต่อสมุทรสงครามและสมุทสาคร

ชาวประมงคนดังกล่าวให้ข้อมูลกับทีมข่าวไทยพีบีเอสด้วยว่าเขาเห็นเรือลำหนึ่งซึ่งดับไฟหมดทำให้มองไม่เห็นชื่อเรือถ่ายน้ำมันอยู่นานประมาณ 1 ชั่วโมง เขาเห็นน้ำมันถูกปล่อยออกมาจากเรือลงทะเล น้ำมันกระจายเป็นบริเวณกว้าง

ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบข้อมูลกับเจ้าท่าสมุทสงครามและสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (GISTDA) เพื่อดูพิกัดเรือและข้อมูลของเรือต่างๆ ในเส้นทางปากน้ำแม่กลอง และเรือที่จอดลอยลำว่ามีเรือขนส่งสินค้ากี่ลำและลำใดบ้างที่ขนส่งหรือใช้น้ำมันเตา เพื่อนำไปสู่การหาเรือลำก่อเหตุ

เมื่อวันที่ 29 ต.ค.2558 GISTDA ได้เปิดเผยภาพถ่ายดาวเทียมที่แสดงจุดต้นตอของการเกิดคราบน้ำมัน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 ต.ค.2558 บริเวณปากแม่น้ำแม่กลอง รอยต่อ จ.สมุทรสงครามและ จ.สมุทรสาคร คาดว่าคราบน้ำมันมาจากกลุ่มเรือหรือสิ่งปลูกสร้างบางอย่าง


ข่าวที่เกี่ยวข้อง