“กรุงไทย”แจงกยศ.สั่งตรวจเอกสารละเอียด ระบุเพิ่มจนท.เร่งแล้ว-เผยหนี้ค้างนับหมื่นล้าน

สังคม
20 พ.ย. 58
13:52
486
Logo Thai PBS
“กรุงไทย”แจงกยศ.สั่งตรวจเอกสารละเอียด ระบุเพิ่มจนท.เร่งแล้ว-เผยหนี้ค้างนับหมื่นล้าน

ธนาคารกรุงไทยแจงเหตุส่งเงินให้นศ.ล่าช้า เพราะกยศ.สั่งตรวจเอกสารเข้มงวดมากขึ้นกว่าปีก่อนๆ วอนสถานศึกษาทำเอกสารให้เรียบร้อย และเป็นไปตามข้อตกลง ขณะที่ล่าสุดพบนักศึกษาเป็นหนี้อยู่อีกกว่า 750,000 คน เป็นภาระกยศ.ต้องตามทวงหนี้ เพราะเรียนจบมีงานทำแล้วแต่กลับไม่ยอมชำระหนี้รวมแล้วอีกหลายหมื่นล้าน

วันนี้ (20 พ.ย.) นายสุรินทร์ พรประพันธ์ ผอ.ฝ่ายบริหารโครงการภาครัฐ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยถึงกรณีที่มีนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยหลายแห่งที่ยื่นเอกสารเพื่อขอกู้เงิน จากกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) แต่เรื่องล่าช้ากว่าจะได้รับเงินผ่านไป 4 เดือน นายสุรินทร์กล่าวว่า การตรวจเอกสารเกิดความล่าช้า เนื่องจากปีนี้เป็นปีแรกที่กยศ.ในฐานะลูกค้าของกรุงไทย สั่งให้ธนาคารตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด ซึ่งแตกต่างจากหลายปีที่ผ่านมา ที่กยศ.ให้ธนาคารอนุมัติเงินให้ก่อน แล้วส่งเอกสารตามภายหลัง

ส่วนสาเหตุที่กยศ.ให้ตรวจเอกสารละเอียดไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แต่ธนาคาร รับทราบถึงปัญหาที่เกิดขึ้น กับนักศึกษาแล้ว ที่ได้เงินล่าช้า และบางรายยังไม่ได้ค่าครองชีพ แต่ขอให้เข้าใจธนาคารที่ต้องทำตามจุดประสงคฺของกยศ. แต่เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของนักศึกษา ทำให้ตั้งแต่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เพิ่มจำนวนเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเอกสาร ที่มีประมาณ 10 คน เพิ่มเป็น 80 คน และให้เจ้าหน้าที่ทำงานในวันเสาร์-อาทิตย์ เพิ่มขึ้นด้วย

นายสุรินทร์กล่าวว่า ขณะนี้ภาพรวมข้อมูลของธนาคาร ได้ทะยอยจ่ายเงินเข้าบัญชีนักศึกษาแล้ว ประมาณ 4000,000 ราย จากจำนวนที่มีทั้งหมด 700,000 ราย ซึ่งจำนวนที่เหลือจะทะยอยจ่ายให้ครบในช่วงเดือนธันวาคมนี้

“คำสั่งของกยศ.ที่มีถึงธนาคาร ทำให้ไม่สามารถละเลยการการตรวจสอบเอกสารได้ ซึ่งเหตุผลต้องไปถามทางกยศ. ว่าเป็นเพราะเหตุใด” นายสุรินทรน์กล่าว

นายสุรินทร์กล่าวต่อว่า ฝากไปถึงนักศึกษาและมหาวิทยาลัยด้วยว่า เพื่อให้ขั้นตอนรวดเร็ว ขอให้กรอกข้อมูลให้ครบถ้วนและถูกต้องทุกใบ เนื่องจากปัญหาการตีกลับข้อมูล หรือทำให้นักศึกษาได้เงินช้า ส่วนหนึ่งเป็นเพราะ เซ็นท์ไม่ครบที่กำหนด เปลี่ยนชื่อ ลายเซ็นท์ ไม่ตรงกับที่เคยเซ็นไว้เดิม หรือบางกรณีผู้บริหารมหาวิทยาลัย ที่มีอำนาจลงนาม เมื่อเปลี่ยนตัวผู้บริหาร ก็มีการเปลี่ยนลายเซ็นโดยมหาวิทยาลัย ไม่ได้แจ้งข้อมูลเหล่านี้ ให้ธนาคารทราบ เมื่อคนใหม่เซ็นมาทำให้เกิดปัญหาว่า ลายเซ็นไม่เหมือนกัน ธนาคารก็ต้องสอบถามกลับไป

ส่วนประเด็นที่นักศึกษาหลายคนสงสัยว่า หากไม่ผ่านการพิจารณาคนเดียว เรื่องนั้นจะถูกตีกลับทั้งล็อตของจำนวนที่ส่งมา เช่น ถ้ามหาวิทยาลัยนี้ ส่งเอกสารของนักศึกษามา 100 คน หากในจำนวนนั้นมี 1 คน มีปัญหา ก็ไม่ได้หมายความว่า จะถูกตีกลับไปทั้ง 100 คน ซึ่งหากมีปัญหาคนเดียวหรือกี่คน ธนาคารจะแจ้งให้มหาวิทยาลัยกลับไป และให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมกลับมา แต่นักศึกษาที่เหลือในล็อตเดียวกัน จะถูกอนุมัติทันที ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเรื่องการกรอกเอกสารอยากขอให้นักศึกษาและมหาวิทยาลัย ทำให้ถูกต้อง เพราะธนาคาร ก็ไม่ต้องการให้นักศึกษาคนใดเสียเวลา เนื่องจากปีนี้ทางกยศ. สั่งให้ตรวสอบรายละเอียดต่างๆ ให้ถูกต้องและครบถ้วนจริงๆ

มีบางประเด็น ที่เป็นข้อสังเกต คือ กรณี นักศึกษาบางคนบอกว่า ส่งเรื่องตั้งแต่มิ.ย.หรือส.ค.แล้วยังไม่ได้อนุมัตินั้น เป็นไปได้ว่า เมื่อตอนส่งไปมหาวิทยาลัย และทางมหาวิทยาลัย ยังไม่ส่งมาให้ทางธนาคาร ก็เป็นไปได้ เพราะอาจต้องรอรวบรวมจากนักศึกษาหลายคน จึงรวมส่งมาให้

รายงานข่าวแจ้งว่า ล่าสุดเมื่อเดือนก.ย.2558 กยศ. ตรวจสอบพบว่า มีผู้กู้รายเก่าและรายใหม่ รวม 750,000 ราย ยังมีหนี้คงค้างอีกหลายหมื่นล้านบาท และมีอีกจำนวนมากที่จบการศึกษาไปแล้ว มีงานทำแล้ว แต่ไม่ยอมชำระหนี้คืน ทำให้กยศ.ต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบเอกสารที่เข้มงวดขึ้น รวมทั้งจำกัดจำนวนอยู่ที่ปีละไม่เกิน 200,000 คน


ข่าวที่เกี่ยวข้อง