เพื่อไทยจี้ "พล.อ.อุดมเดช" ลาออก กรณีอุทยานราชภักดิ์ ให้หน่วยงานอิสระตรวจสอบ

อาชญากรรม
27 พ.ย. 58
06:51
168
Logo Thai PBS
เพื่อไทยจี้ "พล.อ.อุดมเดช" ลาออก กรณีอุทยานราชภักดิ์ ให้หน่วยงานอิสระตรวจสอบ

พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรียกร้องให้ผู้เกี่ยวข้องแสดงความรับผิดชอบ กรณีโครงการอุทยานราชภักดิ์ พร้อมขอให้หน่วยงานอิสระเข้ามาตรวจสอบ หลังพบมีการใช้งบกลาง ประจำปี 2558 ของกองทัพบกในการก่อสร้าง ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบก ยังไม่ชี้แจงรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม

วันนี้ (27 พ.ย.) พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ยังไม่ได้ชี้แจงรายละเอียดใดๆ เพิ่มเติม กรณีที่นายชัยสิทธิ์ ตราชูธรรม ประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน หรือ คตง.ระบุว่า พบการใช้งบกลางของกองทัพบก กว่า 63 ล้านบาท จัดสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์บางส่วน นอกเหนือจากเงินบริจาคของประชาชน

ขณะที่นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ระบุว่า งบกลางที่กองทัพบกนำไปจัดสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ เป็นงบกลางประจำปีงบประมาณ 2558 จำนวน 63.57 ล้านบาท ซึ่ง สตง.กำลังตรวจสอบว่า การใช้เงินดังกล่าวซ้ำซ้อนกับเงินส่วนอื่นหรือไม่ พร้อมย้ำเงินที่ใช้ในหน่วยงานราชการ หรือทรัพย์สินของส่วนราชการ รวมถึงเงินบริจาคให้กับส่วนราชการ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด ซึ่งขณะนี้กองทัพบกให้ความร่วมมือในการตรวจสอบอย่างดี

ขณะที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ กรณีอุทยานราชภักดิ์เป็นฉบับที่ 4 โดยเนื้อหาสำคัญ เรียกร้องให้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อความสง่างามเพราะ พ.อ.คชาชาต บุญดี และ พล.ต.สุชาติ พรมใหม่ ซึ่งเคยเป็นนายทหารที่ทำงานใกล้ชิด ถูกออกหมายจับในความผิดตามมาตรา 112 นอกจากนี้ พล.ต.สุชาติ ยังเป็นกรรมการและเลขานุการ มูลนิธิราชภักดิ์ ขณะที่พลเอกอุดมเดช เป็นประธานมูลนิธิราชภักดิ์

พรรคเพื่อไทย ยังเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบกับกรณีที่เกิดขึ้น เพราะ ครม.มีมติมอบหมายให้กองทัพบกดำเนินโครงการนี้ และยังอนุมัติให้ใช้งบกลางในการก่อสร้าง เพื่อสะท้อนถึงนโยบายสำคัญของรัฐบาล ในการปกป้องสถาบันฯ และปราบปรามการทุจริต

นอกจากนี้เมื่อปรากฏชัดเจนว่า มีการใช้งบกลางในการก่อสร้าง ซึ่งพรรคเพื่อไทยเห็นว่ามีรายละเอียดการใช้จ่ายบางส่วนแพงเกินจริง ย่อมเป็นอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่ตรวจสอบการทุจริต ทั้ง ป.ป.ช. สตง.,สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ และ ปปง.ที่จะต้องเข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้โดยเร็ว แทนที่จะให้เฉพาะคณะกรรมการ ในส่วนของกระทรวงกลาโหม ตรวจสอบเพียงหน่วยงานเดียว


ข่าวที่เกี่ยวข้อง